การถ่ายทอดตัวอักษร
ในการเรียนรู้หลักการถ่ายทอดตัวอักษร โดยอ้างอิงเนื้อหาจากอาจารย์สัญฉวี
สายยัง ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวเป็นเนื้อหาที่ควรรู้เพื่อนำไปสู่การแปลต่อไป
เพราะถ้าหากเราไม่สามารถถ่ายทอดคำศัพท์ออกมาเป็นอักษร เราก็จะไม่สามารถเทียบเคียงอักษรในการแปลงานแปลนั้นๆได้
ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าการถ่ายทอดตัวอักษรในที่นี้คือการนำคำในภาษาหนึ่งมาเขียนอีกภาษาหนึ่งโดยเขียนเป็นภาษาใหม่
ซึ่งสามารถถ่ายทอดเสียงของคำในภาษาเดิมให้ได้ใกล้เคียงที่สุด
การถ่ายทอดตัวอักษรจะเกิดขึ้นเมื่อต้นฉบับมีคำที่ใช้แทนชื่อเฉพาะของสิ่งต่างๆ
เช่นชื่อคน ชื่อสถานที่ แม่น้ำ หรือสถาบันต่างๆ
และเมื่อคำในภาษาต้นฉบับมีความหมายอ้างอิงถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรม
หรือนามธรรมที่ไม่มีในสังคมของภาษาที่จะแปล จึงไม่มีคำเทียบเคียง เช่น
คำที่ใช้เรียกต้นไม้ สัตว์และกิจกรรมบางอย่าง
ความคิดบางอย่างอาจมีในภาษาอังกฤษแต่ไม่มีในภาษาไทย
เนื่องจากคำเหล่านี้ยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ ในกรณีดังกล่าว
ผู้แปลสามารถใช้วิธีให้คำนาม หรือคำอธิบายบอกลักษณ์ หรืการใช้คำทับศัพท์
อาทิ คำว่า football
ซึ่งเมื่อถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดยการให้คำนิยามว่าเป็นลูกกลมๆทำด้วยหนัง
หรือในกรณีใช้คำทับศัพท์ว่า ฟุตบอล ในการแปลดังนี้
เราจึงควรคำนึงถึงหลักการปฎิบัติในการถ่ายทอดเสียงของคำ ประการแรกคือ
การให้อ่านคำนั้นเพื่อให้รู้ว่าคำนั้นออกเสียงอย่างไร ประกอบด้วยเสียงอะไรบ้าง
แล้วจึงเลือกตัวอักษรในภาษาฉบับแปลมาเทียบเคียงแทนเสียงนั้น
ประการที่สองเมื่อภาษาทุกภาษามีเสียงพยัญชนะและสระตรงกันเป็นส่วนมาก
จึงสามารถหาตัวอักษรมาเขียนแทนได้เลย
เสียงบางประเภทอาจจะไม่มีใช้ในอีกภาษาหนึ่ง
หรือมีการเทียบเคียงกันไม่ได้ เช่นเสียงหนักเบา จะมีในคำภาษาอังกฤษซึ่งไม่มีในภาษาไทย
หรือเสียงวรรณยุกต์จะมีในภาษาไทยแต่ไม่มีในภาษาอังกฤษ ประการที่สาม
เมื่อกำหนดตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่งแทนเสียงใดเสียงหนึ่งแล้วจะใช้ตัวนั้นตลอดไป
อย่าเปลี่ยนไปมา และประการที่สี่
สำหรับการยืมคำศัพท์มาใช้โดยเขียนลงเป็นภาษาฉบับแปล ถ้าเกิดคำนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายให้วงเล็บคำเดิมในต้นฉบับไว้ด้วย
สำหรับการถ่ายทอดจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
ควรคำนึงถึงบทบาทหรือหลักการในการเทียบเคียงตัวอักษรหรือเสียงให้ถูกต้อง
เพราะส่วนใหญ่เรามักจะเจอคำทับศัพท์ เช่น ชื่อเฉพาะของสิ่งต่างๆ ชื่อคน
ชื่อสถานที่ แม่น้ำ หรือสถาบันต่างๆยังมีการเทียบเคียงเสียงที่มีความแตกต่างกัน
ทั้งนี้ในการฝึกฝนการเทียบเคียงอักษรหรือเสียง
เราสามารถฝึกจากการเขียนทับศัพท์ชื่อบุคคลสำคัญ หรือชื่อเพื่อน ชื่อสถานที่สำคัญ
หากมีการฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอเราจะสามารถถ่ายทอดอักษรออกมาได้ โดยไม่ต้องใช้ตารางมาดูในการเทียบเคียงอักษร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น