โครงสร้างพื้นฐานของประโยค
จากการศึกษาในชั้นเรียนครั้งนี้
ดิฉันได้เรียนรู้เนื้อหาเรื่อง โครงสร้างพื้นฐานของประโยค ซึ่งเนื้อหาดังกล่าว
ล้วนเป็นเนื้อหาที่มีความสำคัญในการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การสร้างประโยคให้ดูกระชับและถูกต้อง
หากเราไม่เข้าใจในเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปแบบของประโยคแต่ละแบบได้
ก็จะส่งผลให้งานแปลเกิดความความลำบากและมีเนื้อหาที่ไม่กระชับ
ถูกต้องและสมบูรณ์เพียงพอ ความครบถ้วนและความหมายที่ถูกต้องของต้นฉบับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นการสร้างรูปแบบประโยค ตีความหมายของต้นฉบับ และวิเคราะห์ความหมายก่อนถ่ายทอดเป็นภาษาฉบับแปลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแปล
โดยศึกษาจากโครงสร้างแบบของคำกริยาของฮอร์นบี
ฮอร์นบีและคณะได้แยกประโยคพื้นฐานไว้ใน The Advanced Learner’s
Dictionary of Current English ไว้ 25 แบบ โดยถือตามหน้าที่และความนิยมในการใช้คำกริยาเป็นหลัก
เรียกว่า แบบของคำกริยา (verb pattern)
จะสังเกตเห็นว่าในการเขียนโครงสร้างแต่ละประโยคนั้น จะประกอบด้วยประธาน
ตามด้วยกริยา และในส่วนเติมเต็มในแต่ละแบบนั้นจะแตกต่างกันออกไป
ในแบบที่หนึ่งและสอง มักจะเจอบ่อย เพราะเป็นประโยคที่มีส่วนเติมเต็มเป็นกรรมตรง(Direct
object)
และแบบที่สองเป็นประโยคที่เติม to ซึ่งต้องตามด้วย กริยาช่องที่ 1 เสมอ (infinitive
with to) ส่วนรูปแบบที่สี่ถึงหก
จะมีการเขียนโครงสร้างแต่ละประโยคนั้น จะประกอบด้วยประธาน ตามด้วยกริยา
และในส่วนเติมเต็มเป็น คำนามหรือสรรพนาม
แต่ในรูปแบบที่เจ็ดจะเป็นการใช้โครงสร้างที่ต่างกันออกไปคือ Object+ verb+
object+ adjective ความแตกต่างที่เด่นชัดคือการใช้รูปแบบของประโยค passive
voice คือการนำประโยคที่กล่าวถึงผู้ถูกกระทำ มาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
สำหรับรูปแบบอื่นๆที่ศึกษาเป็นการใช้รูปแบบที่มีความคล้ายคลึงกัน
บ้างก็ไม่สับซ้อนจนเกินไปจึงทำให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้เร็วขึ้น
การแปลภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง
ถ้าผู้แปลมีความสามารถ มีความรู้ความเข้าใจที่ดีพอทั้งสองภาษา
การตีความหรือวิเคราะห์ความหมายของประโยคจะทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คิดในใจ
แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ค่อยชำนาญและคล่องแคล่วมากเท่าไร
การแยกประโยคที่ซับซ้อนเป็นประโยคพื้นฐานจะเป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก
เพราะสามารถช่วยให้เรามีความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
และสามารถนำประโยคไปเรียบเรียงให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ส่งผลให้งานแปลมีประสิทธิผลต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น