วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปล 1 เรื่อง แดร็คคูล่า

                                                                                                   
                                                         ตอนที่ 1   เคาว์ส แดร็คคูล่า    

           เรื่องราวของผมเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในปี 1875 ผมชื่อ โจนาทาน ฮาร์เกอร์ ผมอาศัยและทำงานอยู่ในลอนดอน งานของผมเป็นงานเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน วันหนึ่งได้มีจดหมายมาถึงผมจากชายคนหนึ่งที่เป็นมหาเศรษฐี เขาอาศัยอยู่ในแคว้นทรานซิลเวเนีย เขาต้องการซื้อบ้านหลังหนึ่งในประเทศอังกฤษ และเขาให้ผมช่วยชายคนนั้น เขาคือ เคาว์ส แดร็คคูล่า และผมจึงตัดสินใจช่วยเหลือเขา
            ผมสร้างบ้านหลังหนึ่งให้เขา และเขาก็ถามผมว่า ผมใช้เอกสารทั้งหมดนี้เพื่อนำไปทำงานที่แคว้นทรานซินเวเนียได้รึปล่าว? ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมเคยวางแผนจะแต่งงานและไม่ต้องการทิ้งมิน่า หญิงสาวที่สวยที่สุดของผมไป แต่เธอต้องไป...โจนาทานมิน่าพูด เคาว์ส เป็นมหาเศรษฐีและบางทีเขาจะมอบงานให้อีก ดังนั้นผมจึงยอมไป ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้ ผมจะได้พบเจออันตรายที่น่ากลัวที่กำลังรอผมอยู่ในแคว้นซิลเวเนีย
            ในวันที่ 4 พฤษภาคม ฉันได้มาถึงที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า เมืองบริสทริซ แคว้นซิลเวเนียเคยเป็นประเทศที่แปลกและสวยมากที่นั่นมีภูเขา ต้นไม้ และแม่น้ำมากมายและบนภูเขาสูงนั้นซึ่งเป็นบ้านของเคาว์ส เป็นปราสาทแดร็คคูล่า ผมรอเวลามา 6 ชั่วโมงแล้ว ก่อนที่โค้ชจะมาถึง ผมจึงเดินเข้าไปในโรงแรมเล็กๆภายในโรงแรมรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตร ผู้คนก็ต่างพากันหัวเราะและพูดคุยกัน แล้วถามผมว่า คุณจะไปไหนค่ะ?” ฉันจึงตอบไปว่า จะไปปราสาทแดร็คคูล่า 
             ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบและทุกคนหันมองมาที่ฉัน ฉันไม่เข้าใจทำไมพวกเขามองผมด้วยความหวาดกลัวขนาดนี้ แล้วมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า อย่าไปที่นั่นเลยแต่ผมตอบว่า ผมจะไปเพราะเป็นธุรกิจของผม พวกเขาก็พูดอีก เพื่อจะห้ามฉันไป ทันใดนั้นภรรยาของผู้ดูแลโรงแรมก็กระชากสร้อยทอง ที่อยู่ที่คอของหล่อนและนำมาวางไว้ในมือผม และพูดว่า ที่นั่นมันอันตราย บางทีสร้อยเส้นนี้สามารถช่วยเหลือคุณได้น่ะ
           เมื่อโค้ชมาถึง ผมก็เดินเข้าไปที่นั่น ผู้คนมากมายก็มุงดูพวกเรา และฉันได้ยินพวกเขาพูดว่า ผีดูดเลือดโค้ชเดินทางขึ้นไปบนภูเขาสูง และยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเหนือต้นไม้มีหิมะอยู่บนยอดเขา หลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็ตกลับภูเขา และทุกๆที่ก็ดูมืดมนไปหมด ป่าที่อยู่รอบๆพวกเราก็ดูมืดมิดไปหมด แล้วเสียงหมาป่าก็เห่าหอน มันเป็นเสียงที่น่ากลัวมาก

           ทันใดนั้นโค้ชก็หยุดเดินทันที เห็นรถคันเล็กๆอยู่ที่ถนนแคบๆด้านขวา มีม้าดำสี่ตัวดึงอยู่ และคนขับใส่ชุดดำกับหมวกดำก้มหน้าอยู่ เขาพูดว่า ชายหนุ่มชาวอังกฤษอยู่ที่ไหนฉันจะมาอยู่ที่ปราสาทแดร็คคูล่า เขามองมาแปลกๆผมก็กลัวมากแต่มันก็สายเกินไป ผมไม่สามารถกลับไปตอนนี้ พวกเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่จะไปปราสาทแดร็คคูล่า ภูเขาที่อยู่รอบๆพวกเรา ทั้งดวงจันทร์ก็ปกคลุมไปด้วย เมฆสีดำ จนกระทั่งผมได้ยินเสียงหมาป่า ม้าก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วและคนขี่ม้าก็ขี่อย่างเร่งรีบและหัวเราะไปด้วย
         ทันใดนั้นรถม้าก็หยุด ผมจึงเปิดประตูและออกไป เพียงครู่หนึ่งรถม้าก็ขับเข้ามาทางนี้และผมก็ยังอยู่เพียงลำพังในความมืดและเงียบอีกด้วย ผมยืนอยู่ที่นั่น มองขึ้นไปที่มันอย่างช้าๆประตูบานใหญ่ก็เปิดออกมา มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงยืนอยู่ ผมสีเทา และสวมใส่เสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาพูดว่า เข้ามาซิ่..ฮาร์เกอร์ฉันคือเคาว์ส แดร็คคูล่า เขากอดมือตัวเองไว้ราวกับว่าเขารู้สึกหนาว ผมจะเข้าไปในปราสาทแล้วล็อคประตูไว้ เขาก็เก็บกุญแจไว้ในกระเป๋าและกลับขึ้นไปข้างบน ผมรีบวิ่งไล่ตามเขาไปถึงห้องตรงด้านหน้าซึ่งมีโต๊ะเล็กๆอยู่ พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มตั้งอยู่บนโต๊ะ เคาว์ส แดร็คคูล่า บอกให้ฉันนั่งลงและกินอาหาร แต่เขาไม่กับผมด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งลงและได้พูดคุยกัน ฉันหันมองไปที่เขาด้วยความระมัดระวัง ใบหน้าของเขาเป็นสีขาวมาก หูทั้งสองข้างเหมือนกับหูแมว และฟันของเขาแข็งแกร่งเหมือนฟันสัตว์ มีเส้นขนอยู่บนมืออีกด้วย และมีเล็บยาวมากรู้สึกเหมือนว่าเขาจะประทับใจในตัวผม ผมจึงรู้สึกหวาดกลัว!
            เมื่อใกล้ถึงยามเช้า ผมเข้าไปนอน และด้านนอกก็มีหมาป่าเห่าหอนอยู่ เมื่อเวลายามเช้าผ่านไป ผมทำอาหารเช้าตั้งไว้บนโต๊ะเล็กๆในมุมห้อง ขณะนี้มันเป็นช่วงเวลากลางวัน ฉันมองเห็นปราสาทเคาว์ส แดร็คคูล่าเก่าและสกปรกมาก สิ่งที่ผมเห็นมันไม่เหมือนที่เห็นในทุกๆวัน เคาว์ส แดร็คคูล่า ไม่มารับประทานอาหารเช้า แต่กลับมีจดหมายจากเขาวางอยู่บนโต๊ะ จดหมายได้บอกว่า ให้ผมสามารถไปทุกๆแห่งในปราสาทนี้ได้ แต่ถ้าห้องใดที่ล้อคประตูอยู่ห้ามพยายามเข้าไปในห้องเด็ดขาดเมื่อเคาว์ส แดร็คคูล่า กลับมาถึงในช่วงตอนเย็น เขาต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับบ้านหลังใหม่ของเขาในประเทศอังกฤษ ฉันจึงบอกว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ใหญ่มาก ทั้งเก่าและมืด แล้วยังมีกำแพงสูงล้อมรอบ มีต้นไม้มากมายในทุกๆแห่ง มีบสถ์เล็กๆหลังหนึ่งด้วย จึงทำให้บ้านดูมืดแล้วฉันก็โชว์รูปภาพบ้านให้เขาดู
         เขารู้สึกพึงพอใจเกี่ยวกับโยบสถ์หลังนี้มาก เขาพูดว่า ฉันกำลังจะใกล้ตายในตอนนั้นพวกเราได้พูดคุยกันนานมาก และผมก็เผลอหลับไป เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็น คาว์ส แดร็คคูล่า โผล่หน้ามาใกล้ผม ซึ่งมีกลิ่นเหม็นสาบมาก มันเป็นกลิ่นเหมือนคนตาย เคาว์ส แดร็คคูล่า พูดว่า คุณเหนื่อยไหม ไปนอนที่เตียงเถอะและเมื่อเขายิ้ม หน้าของเขาก็กลายเป็นหมาป่า
         ขณะที่ธุรกิจของพวกเราได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เคาว์ส แดร็คคูล่ามีเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับบ้านหลังใหม่ของเขา และต่อไปผมก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปที่แคว้นทรานซิลเวเนีย และในปราสาทแดร็คคูล่าอีกแล้ว แต่เคาว์ส แดร็คคูล่า ไม่อยากให้ผมทิ้งเขาไป เขาต้องการอยู่กับผมในปราสาทนั้น แต่ผมไม่เคยเห็นเขาในช่วงตอนกลางวันเลย ผมเห็นเขาเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น เมื่อเขามานั่งใกล้ๆผม พวกเรามักพูดคุยกันจนกระทั่งตอนเช้า และเขามักมีคำถามหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ เขาพูดว่า ฉันวางแผนไว้แล้วว่าจะไปที่นั่นในเร็วๆนี้และเขาให้ผมบอกเกี่ยวกับการขนส่งของไปยังประเทศอังกฤษโดยเรือ
 หลังจากนั้นเราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเรือและทะเล และทำให้ผมเกิดคิดถึงมิน่าขึ้นมา และเพื่อนของมิน่าที่ชื่อ ลูซี่ ลูซี่และแม่ของหล่อนพักอยู่ที่ทะเล และมิน่าเคยวางแผนว่าสักวันหนึ่งจะไปเยี่ยมลูซี่ แล้วผมก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เคาว์ส แดร็คคูล่าฟัง อย่างโง่เขลาเป็นอย่างมาก
       ณ ห้องนอนห้องหนึ่ง ที่นั่นไม่มีกระจกในห้องนอน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เป็นของขวัญจากมิน่า เช้าวันหนึ่งผมได้ยืนอยู่ในห้อง เคาว์ส แดร็คคูล่า และผมกำลังยืนโกนหนวด ทนใดนั้นก็มีมือมาสัมผัสผม และส่งเสียงว่า สวัสดียามเช้าผมตกใจ! เห็นเคาว์ส แดร็คคูล่ายืนอยู่ข้างๆผม แต่ผมกลับไม่เห็นเขาในกระจก ผมสะบัดมืออย่างแรงและมืดก็บาดมือของตัวเอง เลือดก็ค่อยๆไหลออกมาบนใบหน้าของผม และผมเห็นเคาว์ส แดร็คคูล่า มองมาด้วยความหิวโหย สุดท้ายผมก็ดึงมือเขาออกไป และผมก็รู้สึกหวาดกลัวมาก แต่มือของเขาสัมผัสมาที่สร้อยคอทองที่คอของผม และใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขามองไปที่กระจกเห็นผมกำลังวิ่งไปที่หน้าต่างเขาไม่พูดอะไรเลย แต่ออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วและผมก็ยังยืนอยู่ที่นั่นและถามตัวเองว่าทำไมผมถึงมองไม่เห็นเขาในกระจก ผมเดินออกไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก ผมยืนอยู่ระดับสูงเหนือพื้นดิน ผมเห็นประตูปราสาทหลายห้องที่ล็อคอยู่ ในที่สุดผมเข้าใจแล้วว่า ผมเป็นนักโทษนี่เอง!!”
  

   ตอนที่ ผมตกอยู่ในอันตราย

                เมื่อผมได้ยินอย่างนี้แล้ว ผมจะไปจากที่นี่อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่ผมจะทำ คือผมจะทำงานเพื่อฮาคินละธุรกิจของเคาว์ส แดร็คคูล่า เพราะมันสำคัญสำหรับเขามาก ดังนั้นถ้า เคาว์ส แดร็คคูล่าวางแผนที่จะอ่านมัน ผมไม่สามารถบอกกับฮาคินได้ว่า ผมเคยเป็นนักโทษที่อยู่ในปราสาทแดร็คคูล่า ตอนเย็นวันนั้น เคาว์ส แดร็คคูล่าไม่อยู่และพูดคุยกับผม แต่ก่อนที่เขาจะมาที่ห้อง เขากลับบอกผมว่าให้ผมนอนในห้องนี้หรือในห้องนอนเท่านั้น มิฉะนั้นผมต้องตกไปนอนอีกห้องในปราสาทนี้ ซึ่งผมจะได้รับอันตรายถ้าผมทำ เมื่อเขามา ผมก็ไปอยู่ในห้องของผม  แต่ผมก็ยังไม่หลับและเริ่มเดินไปรอบๆปราสาท ซึ่งเห็นประตูหลายๆห้องก็ถูกล็อค แต่ผมพบห้องหนึ่งซึ่งกำลังเปิดอยู่ ผมจึงพลักประตูเข้าไปและเห็นหน้าต่างในห้องซึ่งมันเป็นค่ำคืนที่สวยงาม และมองเห็นภูเขาที่น่ามหัศจรรย์มีแสง สีเหลืองอ่อนของพระจันทร์ ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งเคลื่อนมาใกล้ฉัน มันคือเคาว์ส แดร็คคูล่าเขาออกมาจากหน้าต่างอย่างช้าๆมือของเขาเหมือนมือสัตว์ เขาดูเหมือนนกสีดำที่น่ากลัวมากและมีเลือดไหลออกมาอีกด้วย
                ผมสั่นและนั่งอยู่ชั่วครู่ บรรยากาศในห้องก็เริ่มๆอุ่นๆฉันคิดว่าหลายปีที่แล้วมันน่าจะเคยเป็นห้องสุภาพสตรีสักคนในปราสาทนี้ ผมจึงตัดสินใจไม่ย้อนกลับไปที่ห้องที่มีบรรยากาศหนาวๆและมืดมิด แต่จะนอนในห้องนี้ แล้วผมก็วางตัวลงและปิดตานอน ทันใดนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว เมื่อแสงของดวงจันทร์มากระทบหน้าต่าง ผมเห็นหญิงสาวสวยสามคน พวกเขากำลังนั่งมองมาที่ผมอยู่ และพูดเบาๆว่า เขาเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและมีคนหนึ่งพูดว่า พวกเราทุกคนจะจูบเธอน๊ะนี่เป็นอีกหนึ่งคำตอบ ผมรู้สึกตื่นเต้นและกลัวมาก ผมรู้สึกว่าผมต้องการให้ปากสีแดงอ่อนๆของหญิงสาวมาสัมผัสผม ผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาใกล้ ซึ่งมีฟันสีขาว แข็งๆก็สัมผัสคอผม ผมปิดตาและรอจูบจากเธอ จูบฉัน จูบฉันผมคิดในใจ
                ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความโกรธ มันคือเสียงของเคาว์ส แดร็คคูล่า  เขาดึงหญิงสาวที่อยู่ใกล้ผมออกไป และดวงตาสีฟ้าสว่างสดใส ก็กลับกลายเป็นสีแดง ผมมองไปที่เคาว์ส แดร็คคูล่าและตาของเขาเป็นดั่งดวงตาที่ถูกเผาไหม้ด้วยไฟนรก เขาร้องไห้ เขากับไม่อยู่กับเธอ ถ้าเธออยู่กับเขา นาทีต่อมาผมจำอะไรได้ไม่มากในคืนนั้น เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็อยู่บนเตียงในห้องแล้ว ซึ่งมีทองวางอยู่บนโต๊ะข้างๆผม ผมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแวมไพส์ และพวกเขาต้องการเลือดของผม
                สองคืนต่อมาเคาว์ส แดร็คคูล่าก็มาหาผม เขียนถึง...มิน่าเขาพูดว่า บอกหล่อนด้วยว่างานในแคว้นทรานซิลเวเนีย เสร็จเรียบร้อยแล้วและบอกให้มาหาเธอที่บ้านผมจะยินดีได้อย่างไร เมื่อได้ยินแบบนี้ แต่เมื่อเคาว์ส แดร็คคูล่า พูดว่า เธออยู่ที่เมืองBristritz” และบอกในจดหมายว่าเป็นวันที่ 29 เดือนมิถุนายน ผมตัวสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อเขาบอกแบบนี้ ผมรู้สีกว่าเคาว์ส แดร็คคูล่า วางแผนฆ่าผมในวันนั้น สิ่งที่ฉันผมจะทำก็ไม่มีอะไร ผมเพียงแค่รอและพยายามหนีแต่เคาว์ส แดร็คคูล่า ก็เอาเสื้อผ้าทั้งหมดของผมไปและแผนที่การเดินทางของผมไปด้วย และเขาก็ล็อคประตูห้องขังผมไว้
                สองสัปดาห์ต่อมา ผมได้ยินเสียงในปราสาท เสียงผู้ชายกำลังทำงานอยู่ ผมคิดว่าบางทีเขาน่าจะเอาจดหมายของผมออกจากปราสาท แต่มันก็สายเกินไป มันจะถึงวันที่ 29 มิถุนายนแล้ว แล้วเย็นวันนั้นที่หน้าต่างผมเห็นเคาว์ส แดร็คคูล่าออกไปจากปราสาทกับจดหมายถึงมิน่าในมือของเขา ผมรู้ว่าผมต้องทำบางอย่างก่อนที่มันจะสายเกินไป แวมไพส์สามารถออกไปได้เพียงช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ผมจึงรู้ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนในช่วงตอนกลางวัน
                เช้าวันต่อมาผมตัดสินใจไปเยี่ยมเคาว์ส แดร็คคูล่าที่ห้องก็ได้เห็นสิ่งที่ผมเจอ ผมจะเข้าไปข้างในนั้นทางหน้าต่าง นี่มันน่าจะเป็นไปได้เพราะว่าห้องของเขาอยู่ข้างล่างห้องนอนของผมและมีรูเล็กๆที่ฝาผนัง ผมสามารถยื่นเท้าลงไปในนั้นได้ และสามารถใช้ม่านทึบที่หน้าต่างบังไว้ ถึงมันจะอันตรายแต่ผมก็จะพยายาม ผมเคลื่อนย้ายผนังอย่างช้าๆ ครั้งหนึ่งผมเกือบจะตกลงไป แต่สุดท้ายผมก็เข้าไปในห้องของเคาว์ส แดรคคูล่าได้สำเร็จ
                มีแต่ห้องที่ว่างเปล่า เคาว์ส แดร็คคูล่าไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเห็นกุญแจปราสาทแต่ไม่รู้ว่าเป้นของห้องไหน มุมหนึ่งของห้องก็มีทองอยู่ และข้างหลังห้องก็มีประตูไม้ใหญ่ มันเปิดออกมาและฉันเห็นว่า ที่นั่นมีบันไดลงไป ฉันจึงลงไปและผมก็มาถึงอีกประตูหนึ่ง ประตูบานนี้ก็เปิดอยู่อีกด้วย ผมก็พยายามเข้าไปในห้องด้วยหินที่อยู่บนนั้น ผมมองไปรอบๆตัว เห็นกล่องไม้ 50 กล่อง วางอยู่ในห้อง มันคือโลงศพ หนึ่งในนั้นก็มีร่างของเคาว์ส แดร็คคูล่าผมบอกไม่ได้ว่าเขาตายแล้วหรือกำลังหลับอยู่ ตาของเขาเปิดแต่ใบหน้าของเขาไมเหมือนใบหน้าของคนตาย ปากของเขาสีแดงมาก ผมเข้าไปใกล้ๆผมคิดว่า บางทีเขาน่าจะมีกุญแจปราสาทแต่เมื่อผมเห็นดวงตาที่แข็งเหมือนหิน เลือดก็ไหลออกมา ผมเลยเดินกลับไปที่ประตูหน้าต่างแล้วกลับไปห้อง
                ในค่ำคืนนั้นเคาว์ส แดร็คคูล่า ก็มาหาผมอีกครั้ง เขาพูดว่าพรุ่งนี้เธอจะกลับไปอังกฤษ และผมก็รู้ว่าพรุ่งนี้ผมก็คงต้องตายแน่ๆ ผมนอนลงบนเตียงแต่ไม่ได้หลับไป ในคืนนี้ผมได้ยินเสียงผู้หญิงข้างนอกประตูและหลังจากนั้น เคาว์ส แดร็คคูล่าก็บอกว่า รอก่อนยังไม่ถึงเวลาของเธอคืนพรุ่งนี้เธอสามารถบอกพวกผู้หญิงที่กำลังหัวเราะ เสียงหวานและกำลังสั่นด้วยความกลัว เมื่อถึงตอนเช้า ผมก้มีชีวิตอยู่ถึงกระทั่งตอนนี้ ผมต้องหนีและสิ่งแรกที่ผมจะเอาไปด้วยคือ กุญแจ ผมจะเข้าไปในห้องของ เคาว์ส แดร็คคูล่าอีกครั้ง
ซึ่งเห็นเคาว์ส แดร็คคูล่าอยู่ในโลงศพแต่ดูเหมือนเป็นผู้หญิง และผมของเขาสีขาวไม่ยาวทมีเลือดอยู่ที่ปาก มองข้ามไปที่คอของเขา มือผมก็สั่นแต่ผมได้สัมผัสเขาและมองหากุญแจ ผมรู้สึกว่ามันน่าจะอยู่ในร่างของเขา แต่ก็หาไม่เจอ ทันใดนั้นผมต้องการฆ่าเคาว์ส แดร็คคูล่า  ผมจึงเอาค้อนของคนงาน ตีลงที่ร่างของเขาอย่างหนัก มันน่ากลัวมากใบหน้าของเขายิ้มอยู่ ตาของเขามองมาที่ฉันเลือดที่ปากก็น่ากลัวมาก ผมจึงนำค้อนออกมาแล้วยืนสั่นอยู่แล้วรำพันคนเดียวว่า นี่ฉันทำอะไรลงไป
                หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงคนงานกลับมา ผมรีบกลับลงปางบันได ผมได้ยินเสียงกุญแจคนงานก็เปิดประตูเข้ามา ผมนิ่งค่อยๆฟังเสียงและได้ยินเสียงค้อน พวกเขานำโลงออกไป ผมคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะนำโลงศพไปยังประเทศอังกฤษ ผมจำได้ว่า เคาว์ส แดร็คคูล่าได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนประเทศของผม ผมจึงเดินกลับไปที่บันไดและเห็นประตูเปิดอยู่ แต่มันก็สายเกินไป ซึ่งลมหนาวพัดเข้ามาในปราสาทในไม่ช้า ผมเห็นเกวียนที่กำลังบรรทุกโลงศพที่ประตูหน้าต่าง  ผมอยู่เพียงลำพังในปราสาทกับความหวาดกลัวแวมไพส์ ในขณะที่ผมเขียนไดอารี่ ผมได้ตัดสินใจในสิ่งที่ผมจะทำ คือผมต้องพยายามหนี ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ถ้าผมหนีออกไปได้ บางทีต่อไปผมอาจจะช่วยเหลือมิน่าได้ แต่ถ้าผมตาย ผมอาจจะไม่ได้เจอกับมิน่าอีกเลย
  

                                                        ตอนที่  3 ลูซี่ตกอยู่ในอันตราย

ในขณะที่โจนาทาน เดินไปมา ฉันรู้สึกไม่มีความสุขเลย เขามักจะไม่ได้เขียนถึงฉัน และเมื่อเห็นจดหมายของเขาแปลกและสั้นมาก ฉันรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดไป แต่มันคืออะไร? โจนาทานตกอยู่ในอันตรายหรือไม่? ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด ทำไมเขาจึงไม่กลับมายังประเทศอังกฤษ ฉันจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าฉันได้รับจดหมายจากเขา โจนา ทานบอกว่า เขากำลังเดินทางมาที่บ้านและที่เมืองบริทธิซ แต่จดหมายมันดูแปลกๆ แลดูสั้นมาก เพื่อน...ลูซี่เขียนถึงฉัน ฉันรู้ว่าเธอจะมีความสุขกับฉัน Arthur บอกว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเขา มันดีแล้วใช่ไหมฉันรักเขามากและเธอก็รู้ว่าแม่และฉันกำลังพักอยู่ที่ เมืองวิตบี้ ที่อยู่ใกล้ๆกับทะเล ได้โปรดมาพักกับพวกเราเถอะแล้วฉันจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับ เคาว์ส แดร็คคูล่า
                Arthur Holmwood หลงรักลูซี่มาก ฉันฟังข่าวของเธอและฉันตัดสินใจไปที่นั่นทันที และมันจะช่วยให้ฉันไม่นึกถึงเรื่องของโจนาทาน ฮาเกอร์ ฉันได้เจอกับลูซี่ที่สถานี และมันเป็นสิ่งที่สุดยอดมากที่ฉันได้เจอกันอีกครั้ง หล่อนมีชีวิตที่มีความสุขมาก แต่บางครั้งมันยากสำหรับฉันเพราะว่า ลูซี่พูดถึง Arthur ณ เวลานั้นอากาศกำลังดีและลูซี่มักจะเดินเล่นที่ริมชายหาดและพวกเราก็เดินไปที่โบสถ์บนเนินเขา ในคืนนั้นลูซี่และฉันนอนอยู่ในห้อง ฉันเริ่มนอนไม่หลับและแม่ของหล่อนและฉันจึงตัดสินใจล็อคห้องนอนในคืนนั้น
ก็ไม่ใช่คำตอบที่น่าสงสัยสำหรับคำลึกลับนี้ และไม่มีใครเห็นสุนัขตัวใหญ่สีดำนี้อีกเลย
                ในคืนนั้นฉันตื่นนอนและพบว่าประตูห้องนอนถูกเปิดและลูซี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ฉันมองไปหาเขาในทุกๆแห่งในบ้าน แต่ก็ไม่เจอ ฉันกลัว ฉันรู้ว่าบางทีลูซี่ไปที่โบสถนั้น ฉันจึงรีบออกไปตามหาหล่อนในคืนนั้น แล้วพบหล่อนนั่งอยู่ที่สุสาน ซึ่งมีแสงพระจันทร์ส่องมาและฉันเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มืดมนดำ และน่ากลัวอยู่ข้างหลังหัวของมันเคลื่อนมาใกล้ๆ ลูซี่มีหน้าสีขาวๆ และตาสีแดง หล่อนมองมาที่ฉัน หล่อนวางมือมาที่คอและฉันก็เห็นว่ามีเลือดไหลออกมา
                หลังจากนั้นลูซี่รู้สึกแย่ลง หล่อนยืนอยู่ข้างๆเตียงฉันทุกคืนและใบหน้าของหล่อนเป็นสีขาว ฉันกลัวมากและล็อคประตูทุกคืน และจนกระทั่งฉันไม่ได้ยินเสียง โจนาทาน ฉันรู้สึกไม่มีความสุขเลยและนอนไม่ค่อยหลับ ในคืนหนึ่งลูซี่ก็เดินออกไปคนเดียว ฉันก็คิดว่าลูซี่จะไปไหน ประตูก็ล็อคอยู่ หล่อนไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ แต่เมื่อฉันเดินกลับเข้ามา ฉันได้พบกับลูซี่ที่หหน้าต่าง ลูซี่ร้องไห้แล้วหล่อนก็เดินกลับไป เมื่อฉันเปิดประตูหน้าต่างก็เห๋นบางสิ่งสีดำเหมือนกับนกสีดำตัวใหญ่บินอยู่  สองวันต่อมาฉันได้รับจดหมายจากโจนาทาน ซึงป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง บูดาเพรท ฉันบอกลูซี่ว่า ฉันจะต้องไปหาเขาตอนนี้ ฉันไม่อยากทิ้งเขาไป โจนาทานเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรรับฉัน เขามีความจำเป็นมากสำหรับฉัน และเมื่อฉันได้มาถึงเมืองบูดาเพรส และได้กอดโจนาทาน ฉันรู้สึกมีความสุข โจนาทานป่วยหนัก ฉันจึงไปหาเขาทุกวัน เขาไม่ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเขาในปราสาทแดร็คคูล่า แต่เขาให้ฉันอ่านไดอารี่ของเขา และฉันก็ได้รู้เกี่ยวกับเคาว์ส แดร็ลคูล่า และการผจญภัยที่น่าหวาดกลัวของโจนาทานในปราสาทแห่งนี้ แต่เขาสามารถหนีออกมาได้ และเมื่ออาการป่วยลดลง ก็พบว่าคนงานของเคาว์ส แดร็คคูล่าก็อยู่ที่โรงพยาบาลนี้เช่นกัน เขากลัวมาก แต่พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน
                โจนาทานและฉันแต่งงานกันในวันที่ 1 กันยายน และเมื่อพวกเราเริ่มเดินทางออกจากบ้าน พวกเรามาถึงอังกฤษในวันที่ 18 กันยายน และมันเป็นสิ่งที่สุดยอดอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกมีความสุข ณ ช่วงเวลาหนึ่ง พวกเราได้ขับรถบนถนนในลอนดอน โจนาทานดูมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาสดชื่น และบอกกับฉันว่า มิน่า ผมรักคุณ”  “ฉันก็รักคุณเช่นกันโจนาทาน ฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆ ทันใดนั้นใบหน้าของโจนาทานเป็นสีขาวซีดและเขาร้องไห้ออกมา เมื่อเขาเห็นเกวียน ในนั้นมีหญิงสาวสวย ผมดกดำ หล่อนนั่งรอใครบางคน และใกล้ๆรถม้าก็เห็นชายคนหนึ่งสูง ฟันขาวยาว ปากแดงมันคือ เคาว์ส แดร็คคูล่าโจนาทานร้องบอก ที่นี่ลอนดอนน่ะ!” โจนาทานจับมือฉันไว้แล้วบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรู้สึกกลัวเขา สิ่งที่ฉันเห็นมันคือความจริงใช่ไหม? เคาว์ส แดร็คคูล่าอยู่ที่ลอนดอนใช่ไหม?
                เมื่อพวกเรามาถงบ้านมีจดหมายจาก Arthur  Holmwood บอกว่าลูซี่กำลังจะตาย  หัวแก้วหัวแหวนของฉันตายแล้วจริงๆหรือ! มันกำลังจะเป็นจริง!”  ต่อมาพวกเราอ่านจดหมายอีกครั้ง Arthur เขียนว่าลูซี่อาการเริ่มแย่ลง ฉันไม่รู้จะทำอะไร ฉันรู้เพียงว่าฉันต้องทำบางสิ่งบางอย่างทันที ฉันจึงบอกเพื่อนของพวกเราคือ Jack Seward ให้มาดูแลหล่อน เขาเป็นหมอฉันคิดว่าบางทีเขาสามารถช่วยลูซี่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถช่วยลูซี่ได้และหล่อนกำลังจะตายจากไป


ตอนที่ 4  ลูซี่ตาย

เมื่อผมได้ยินข่าวร้ายของลูซี่ จาก Arthur ว่ากำลังป่วยหนักเป็นโรคที่ประหลาด ผมจึงไปหาหล่อนทันที ผมเห็นหล่อนป่วยหนักมาก หล่อนนอนอยู่บนเตียงทุกวันและไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย เนื้อตัวของหล่อนเป็นสีขาวเหมือนผีและผอมมาก เมื่อถึงเวลากลางคืน หล่อนนอนหลับไปด้วยความกลัวและในช่วงตอนเช้า ก็มีแผลสองเส้นเล็กๆที่คอของหล่อน ผมไม่รู้ว่าเกิดสิ่งที่แย่ๆอะไรขึ้นกับลูซี่ หล่อนได้สูญเสียเลือดมาก
ผมจึงตัดสินใจส่งข่าวไปยังครูผู้เชี่ยวชาญ ชื่อ Van ที่อยู่ Holland บางทีเขาสามารถช่วยลูซี่ได้ เมื่อทราบข่าวเขาจึงมาทันที และเมื่อเขาเห็นอาการป่วยของลูซี่เป็นอย่างไร เขาพูดว่า พวกเราต้องให้เลือดหล่อนสักครั้ง”  “หล่อนได้รับเลือดของผม” Arthur ร้องไห้ เมื่อไหร่เรื่องทั้งหมดนี้มันจะหยุดไปสักที” Van Helsing บอกตอนนี้ หล่อนได้รับเลือดของ Arthur“ เมื่อได้รับเลือดลูซี่ก็ดีขึ้นทันที แต่ก่อนหน้านี้ Van Helsing มีอีกหนึ่งอย่างที่จะให้  เขาซื้อดอกไม้ที่มีกลิ่นแรง และคล้องใส่รอบๆคอของลูซี่ ที่รักของฉันเขาพูด .นี่เป็นดอกไม้กระเทียมอีกไม่กี่วัน Van Helsing กลับไป และมั่นใจว่าลูซี่จะได้ใส่ดอกไม้กระเทียมอีก
หลังจากนั้นแม่ของลูซี่ก็ป่วยเอง หัวใจของหล่อนไม่แข็งแรง และArthur กลับบ้านไปแล้วเพราะว่าพ่อของเขาก็กำลังใกล้ตาย ผมดูแลลูซี่ด้วยตัวของผมเองในช่วงกลางคืนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และบางครั้งผมนั่งใกล้ๆเตียงของเธอ ผมได้ยินเสียงที่ริมหน้าต่าง บางครั้งมีต้นไม้ มีลม ผมทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ในระหว่างวัน และหลังจากนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมาก ในค่ำคืนหนึ่ง ผมไม่ได้ไปหาลูซี่ที่บ้าน และรู้ว่าแม่ของลูซี่และคนใช้จำเป็นจะต้องนอนเฝ้าดูแลลูซี่อย่างระมัดระวังในค่ำคืนนี้ ดังนั้น Van Helsing ส่งดอกไม้กระเทียมดอกใหม่มาให้ทุกวัน เพื่อให้ลูซี่ได้สวมใส่ในทุกๆคืน ในยามเช้าต่อมาที่โรงพยาบาล ฉันบันทึกที่อยู่ของ Van Helsing เขาเขียนจดหมายไว้ว่า เขาจะไปหาเธอในวันพรุ่งนี้
                วันรุ่งขึ้นผมรีบจนไม่รออาหารเช้าแล้ว ผมเร่งรีบไปบ้านลูซี่ทันที ผมเคาะประตู แต่ไม่มีคำตอบมาเลย มีแต่เพียง Van Helsing ที่พึงมาถึง เกิดอะไรขึ้น? เขาถาม เธอได้รับโน๊ตของฉันไหม?” พวกเรามาสายเกินไป พวกเราเคาะประตูอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครตอบ พวกเราไปรอบๆบ้าน และ Van Helsing ได้พังหน้าต่างห้องครัวพวกเราจึงเข้าไปได้  บรรยากาศในห้องครัวดูมืดมาก แต่พวกเราก็เห็นร่างของคนใช้ที่อยู่บนพื้น พวกเขาไม่ได้ตาย แต่เพียงแค่หลับไป บางคนก็มีเครื่องดื่มอยู่ในมือ Van Helsing พูดว่า พวกเราต้องค้นหาลูซี่ให้เจอ ถ้ามันยังไม่สายเกินไป พวกเราจึงเดินเข้าไปในห้องของลูซี่และหยุดอยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าสีขาวซีด และมือสั่น พวกเราเปิดประตูเบาๆและเข้าไปในห้อง
                ผมสามารถบรรยายได้ว่าพวกเราเห็นอะไรบ้าง? ร่างของผู้หญิง 2 คน คือ ลูซี่และแม่ของหล่อนวางอยู่บนเตียง ใบหน้าของทั้งสองเป็นสีขาว และใบหน้าแม่ของหล่อนดูน่ากลัวมาก ในมือหล่อนถือดอกไม้ที่อยู่ที่คอของลูซี่และบนพื้นก็มีแก้วแตกอยู่ที่หน้าต่าง Van Helsing  มองลงไปที่หญิงทั้งสอง และพูดว่า แม่ตายแล้วแต่สำหรับลูซี่มันอาจจะไม่สายเกินไป! ไป ไป !! ปลุกคนใช้เถอะ! หลังจากนั้นลูซี่ก็เริ่มมองเห็นและพวกเขาก็นำหล่อนไปที่เตียงนอน หล่อนหลับไป และดูเหมือนว่าหล่อนไปให้ Arthur,และเมื่อเขามา เขาก็จะไม่มีความสุข ตอนนี้พ่อของเขาก็ไม่ได้ตาย และเขาก็เห็นลูซี่ว่าลูซี่กำลังป่วยหนักมาก ในคืนนั้นพวกเราก็นั่งกับลูซี่ตลอดเวลา  Arthur และ Van Helsing ก็นั่งหลับไปในห้องซึ่งฉันก็นั่งดูลูซี่อยู่ตลอดเวลา  เมื่อ Van Helsing กลับเข้ามาในช่วง 6 โมงเช้า Arthur ก็ยังนิ่งอยู่ที่ห้องล่าง Van Helsing ก็ไปหาลูซี่และมองไปที่หล่อน  มองไปดูที่บาดแผลที่คอ”  เขาพูดว่า  “หล่อนกำลังจะตายในอีกไม่ช้านี้” 
เมื่อ Arthur และผมเข้ามาลูซี่ก็เปิดตาอันสวยงามของหล่อน โอ้... Arthur! หล่อนพูดเบาๆ จูบฉันน๊ะที่รักเขาดึงหน้าและศรีษะเข้าไปใกล้ๆหล่อน แต่ Van Helsing ได้ดึงหัวตนเองกลับไป! เขาก็ร้องไห้ สักครู่หนึ่งใบหน้าของลูซี่ก็แข็งและน่าเกลียดมาก หล่อนได้เปิดปากของหล่อน และฟันของหล่อนดูยาวและแหลมคมมาก หลังจากนั้นตาของหล่อนก็ปิดและหล่อนก็หลับไป   ครู่หนึ่งหล่อนก็ตื่นมาอีกครั้งมองไปที่มือของ Van Helsing และพูดเบาๆว่า เพื่อนรักของฉัน!”  และหลังจากนั้นหล่อนก็เงียบไป และลูซี่ก็ตายจากไป เธอกลับมา... เธอกลับ..มา!!” Van Helsing พูด และArthur ก็จับมือลูซี่ไว้ และร้องไห้
                หลังจากนั้น ผมได้กลับไปในห้องของลูซี่  Van Helsing และผมก็มองลงไปที่ใบหน้าอันงดงามของหล่อนด้วยกัน ผมพูดว่า มันจบลงแล้วไม่!! Van Helsing ตอบกลับมาว่า มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นหลายวันต่อมา ในหนังสือพิมพ์ทุกๆฉบับก็มีเรื่องราวแปลกๆมากมาย เรื่องเกี่ยวกับ เด็กที่ออกข้างนอกในตอนกลางคืนและไม่กลับบ้านจนถึงตอนเช้า และเมื่อพวกเขาได้กลับบ้าน พวกเขาก็พูดถึงเกี่ยวกับ ผู้หญิงสวยคนหนึ่งและเด็กๆพวกนั้นจะมีเลือดออกและมีรอยแผลสองขีดเล็กๆที่คอ
                Van Helsing อ่านเรื่องราวทั้งหมดและเขาก็ซื้อกระดาษไว้รอบๆตัว เธอคิดจะทำอะไร?” เขาถามผมไม่รู้ ผมพูดว่า รอยแผลสองขีดเล็กๆที่คอมันเหมือนกับแผลของลูซี่ แต่พวกเราจะสามารถรู้ได้อย่างไรเมื่อ Van Helsing อธิบาย สิ่งแรกที่ฉันจะไมเชื่อมัน และสุดท้าย ฉันพูดว่า เธอกำลังจะบอกว่า คนที่ฆ่าลูซี่ คือ แวมไซร์และตอนนี้ แวมไพร์นั้นก็ได้ดูดเลือดเด็กๆพวกนั้นอีกด้วย ใช่ไหม?”  “ไม่!” Van Helsing ตอบกลับ เธอไม่เข้าใจแวมไพร์ที่ดูดเลือดเด็กก็คือตัวของลูซี่เองต่างหาก ฉันรู้สึกโกรธมาก มันไม่จริง!” ฉันเสียใจ
                เมื่อ Van Helsing  มากับผม เขาพูดว่า และผมจะแสดงตัวให้เธอเห็น ในคืนนั้นเขาพาผมไปที่สุสานของลูซี่ เขามีกุญแจและพวกเราก็ได้เข้าไปในนั้น ฉันรู้สึกกลัวมาก ในความมืดมิดกับดอกไม้เหี่ยวๆที่อยู่บนสุสานของลูซี่เป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก Van Helsing เริ่มเปิดโลงศพช้าๆ แล้วหันกลับมาหาผมแล้วบอกว่า มองนั่นสิ่!” ผมเข้ามาใกล้ๆและมองไปที่โลงศพมีเพียงที่ว่างเปล่า มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าประหลาดใจมาก แต่ Van Helsing ก็เขย่าศรีษะของเขาเอง ตอนนี้พวกเราต้องรอ พวกเรารอทุกคืน ฉันรู้สึกหนาววังเวงและน่ากลัว และรู้สึกโกรธกับตัวเอง และVan Helsing ด้วย ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างสีขาว เคลื่อนมาจากต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆโลงศพ พวกเราเข้าไปใกล้ๆและเห็น เด็กตัวเล็กๆอยู่บนพื้นดิน Van Helsing ถือมันออกมาให้ผมดู และผมก็ดูไปที่คอ แต่ไม่มีรอยแผลที่คอ ไม่! Van Helsing ตอบกลับ
 วันต่อมา Van Helsing และฉันไปที่โลงศพอีกครั้งและเปิดฝาของโลงศพ เห็นร่างของลูซี่ วางอยู่หล่อนตายแล้วตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว แต่หล่อนดูเหมือนยังไม่ตาย ปากของหล่อนสีแดงและใบหน้าของหล่อนดูสวยขึ้นกว่าเดิม เมื่อ Van Helsing ดึงปากสีดำของหล่อนและเห็นฟันยาว ตอนนี้เธอเชื่อฉันหรือยัง? เขาพูด ตอนนี้ลูซี่ยังไม่ตาย และฟันของหล่อนนั้นแหละที่ฆ่าเด็กๆพวกนั้น พวกเราต้องหยุดหล่อนก่อนที่หล่อนจะทำอีก แต่พวกเราก็ต้องส่งข่าวไปบอก Arthur เขาต้องรู้ต้องเห็น  Arthur รู้สึกไม่มีความสุขและโกรธมาก เขาไม่เชื่อว่าลูซี่ยังไม่ตายแต่ในที่สุดท้าย เขาก็ยอมรับที่จะมากับพวกเราไปดูที่โลงศพ 
ก่อนเที่ยงคืนเมื่อพวกเราไปที่โบสถ์ร้าง ในคืนนี้มีแต่ความมืด แต่ตอนนี้แสงสว่างจากดวงจันทร์เริ่มส่องเข้ามา Van Helsing ก็เปิดประตูของโลงศพและพวกเราก็เข้าไป  Van Helsing เปิดโลงศพ ใบหน้าของArthur ก็ขาวซีด เมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆ พวกเราก็มองลงไปโลงศพก็ว่างเปล่า Van Helsing  พูดว่า พวกเราต้องออกไปข้างนอกและรอต่อไป มันจะเป็นการดีถ้าพวกเราออกไปข้างนอกอีกครั้งบรรยากาศที่มีแต่ความมืด กลิ่นของโลงศพพวกเราเข้าใจและรอในความเงียบสงัด
หลังจากนั้นพวกเรา ก็เห็นบางสิ่งขาวๆ มันเคลื่อนมาใกล้ๆพวกเรา หน้าของมันเป็นสีขาว ปากมันเป็นสีแดง และมีเลือดออก ทันใดนั้นมันเห็นพวกเราและมันจึงหยุดทันที  มันดูน่าเกลียดมากและ Arthur ได้ยินเสียงร้องไห้ และแล้ว มันคือ ลูซี่ นั่นเอง หล่อนยิ้ม โอ้ ... Arthur มาหาฉันเถอะ อย่าทิ้งฉันเลย ... มาหาฉันน๊ะที่รัก หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
Arthur เอามือของเขาที่อยู่ที่ใบหน้าเขาแล้วเปิดแขนของเขาออก หล่อนเข้าไปใกล้ๆเขา และจับไม้กางเขนสีทองออกมา ลูซี่หยุดและนั่งกลับไปที่เดิม หลังจากนั้นดูเหมือนว่าใบหน้าของหล่อนช่างน่ากลัว หล่อนเข้าไปในโลงศพและปิดประตู Arthur วางหน้าของเขาในมือของเขา และร้องไห้  วันต่อมา Arthur, Van Helsing และผมกลับไปที่โลงศพ Van Helsing ได้ให้กระเป๋าแก่เขา และเมื่อพวกเราอยู่ที่โลงศพ เขาก็เปิดโลงศพลูซี่อีกครั้ง ร่างที่วางอยู่นั้นช่างดูน่าเกลียด Arthur มีหน้าขาว ซีดเซียว และเขาสั่นไปทั้งตัว  นี่ลูซี่จริงๆหรอ?” เขาพูด มันอาจจะใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้  แต่ฉันก็จะรอและเธอจะเห็นลูซี่อีกครั้งจริงๆ Van Helsing ตอบกลับ เขาเอาไมชิ้นยาวและค้อนในกระเป๋า Arthur และฉันนั่งมองอย่างเงียบๆ เมื่อ Van Helsing พูดกับ Arthur “เธอรักลูซี่เธอต้องพาหล่อนกลับมาหาพวกเรา เธอต้องเอาไม้ชิ้นนั้นที่อยู่ขวามือของเธอ และค้อนในมือของเธอซ่ะ หลังจากนั้นเธอต้องทุบหัวใจของลูซี่ มันไม่ง่ายสำหรับเธอเลย แต่มันจะทำในไม่ช้านี้ เธอสามารถทำหล่อนได้ลงเหรอ?” “ฉันทำได้” Arthur ตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งแกร่ง หน้าของเขาซีดไปมากแต่เขาถือไม้ชิ้นนั้นเพื่อจะแทงหัวใจของลูซี่และทุบร่างเธอด้วยค้อนอย่างหนัก
ร่างกายของหล่อนก็เริมพัง และมีเสียงกรีดร้องน่าเกลียดน่ากลัว Arthur ไม่ยอมหยุดหนักแล้วหนักอีก เขาตีด้วยไม้ชิ้นนั้นและค้อน จนกระทั่งร่างกายเคลื่อนหยุดและวางลงอย่างช้าๆ ค้อนที่อยู่ในมือของ Arthur และเขานั่งที่นั่นหน้าซีดขาว และตัวสั่น Van Helsing วิ่งออกไปกับเข และตอนนี้เอน่าจะจูบหล่อน เขาพูดว่า ฉันเห็น!” แวมไพร์มันตายแล้ว และlucyก็กลับมาจริงๆด้วย มันเป็นเรื่องจริง ใบหน้าของลูซี่ซีดและนิ่งไปแต่ตอนนี้หล่อนอาจจะรู้สึกต้องการความเงียบสงบและผ่อนคลาย Arthur จูบหล่อนเบาๆบนปากและหลังจากนั้น Van Helsing ก็ปิดโลงศพอีกครั้ง ตอนนี้ Van Helsing พูดว่า พวกเราเพียงแค่ได้รับจุดเริ่มต้น พวกเราต้องค้นหาแวมไพร์ที่ฆ่าลูซี่  แม้ว่ามันจะยากลำบากและอันตรายเพียงใด เธอจะช่วยฉันไหมพวกเราตอบกลับไปว่า ใช่! พวกเราจะช่วยเธอเอง!”


ตอนที่ 5  มีน่าตกอยู่ในอันตราย

วันหนึ่งหลังจากที่มิน่า ได้รับจดหมายจาก Arthur กับข่าวของลูซี่ตาย ซึ่งหล่อนได้รับจดหมายอีกฉบับหนึ่ง นี่เป็นที่อยู่ของ Van Helsing เพื่อนคนหนึ่งของ Arthur เขาได้เขียนว่า ฉันทราบ...จดหมายที่มาจากลูซี่ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของหล่อน ฉันอยากเจอเธอมาก เขาพูดเกี่ยวกับช่วงเวลาเมื่อเธอกับลูซี่ที่ เมือง Whitby” แล้วผู้เชี่ยวชาญก็ได้เข้ามาเห็นพวกเราที่บ้านของพวกเราเองและพวกเราได้รู้เกี่ยวกับช่วงเวลาที่อยู่ที่ปราสาท Dracula เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาจึงร้องไห้ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจหลายๆสิ่งแล้ว ว่า เคาว์ส แดรคคูล่านี้ เขาคือแวมไพร์ที่ฆ่าลูซี่นี่เอง เธอช่วยค้นหาเขาได้ไหม?”
ช่วงเวลานี้มิน่าและฉันยินดีที่จะช่วยเหลือ เมื่อฉันเห็นเคาว์ส แดร็คคูล่า ในลอนดอน ฉันรู้สึกกลัวมาก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเข้มแข็งขึ้นแล้ว เพราะว่าฉันมีงานนต้องทำ ณ เวลาหนึ่ง พวกเราได้เริ่มปฏิบัติการขึ้น มิน่าได้ไปพักกับ Jack Seward ที่บ้านของเขา  เล่าให้เขาฟังเรื่องของ Arthur เกี่ยวกับเคาว์ส และฉันก็เดินทางไป Whitby ฉันต้องการค้นพบเกี่ยวกับโลงศพที่อยู่ในเรือช่วงกลางคืน เรื่อที่ เคาว์ส แดรคคูล่า ซื้อมาจากประเทศอังกฤษ ฉันรู้ว่าตอนนี้โลงศพต้องอยู่ในบ้านของ เคาว์สในลอนดอนอย่างแน่นอน
ฉันรีบร้อนกลับไปลอนดอนและไปบ้านของ  Jack Seward เมื่อฉันบอก Van Helsing เกี่ยวกับข่าวนี้ เขาบอกว่า ขณะนี้ความอันตรายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันได้รู้เกี่ยวกับแวมไพร์จากหนังสือเล่มเก่าๆและฉันได้รู้ว่าพวกเขาสามารถออกมาได้เพียงช่วงกลางคืน ในระหว่างช่วงเวลากลางวันพวกเขาดูเหมือนตายไปแล้วและผมคิดว่าต้องมีสถานที่ใดซักแห่งที่พวกเขาไว้หลบซ่อน ฉันคิดว่าเคาว์ส  แดรคคูล่า น่าจะใช้โลงศพของเขานี่แหละเพื่อหลบซ่อนตัวเองในช่วงเวลากลางวัน ถ้าพวกเราสามารถฆ่าเขาได้ แต่ถ้าไปที่บ้านของเขาในตอนกลางคืนพวกเราต้องวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในดลงศพและหลังจากนั้นเคาว์ส ก็ไม่สามารถกลับเข้าไปในนั้นได้ เขาก็จะไม่มีสถานที่หลบซ่อนในช่วงกลางวันอีกแล้ว และเขาก็จะไม่เข้มแข็ง ไม่ทรงพลัง และง่ายต่อการต่อสู้เมื่อพวกเราได้พบกับเขา
เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืน Van Helsing ,Jack, Arthur และผม ออกไปที่บ้านของเคาว์สด้วยกัน มิน่าไม่สามารถกลับมากับพวกเราได้ ผมกลัวที่จะทิ้งมิน่าไว้เพียงลำพัง แต่หล่อนก็พูดว่า ที่นั่นมีอันตราย!” ที่นั่น Jack มีกุญแจอันเก่าและพวกเราก็สามารถเข้าไปในบ้านได้ บ้านดูเก่าและสกปรกมาก และมีกลิ่นเลือดในทุกๆที่ทุกๆมุมของบ้าน พวกเราเดินไปด้วยความเหน็บหนาว มีเพียงห้องที่ว่างเปล่าและสุดท้าย พวกเราก็ได้เจอโลงศพ
พวกเราจึงนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกระเป๋าของ Van Helsing มาวางไว้ในโลงศพ มันหนักมาก พวกเราต้องใช้เวลาในการเปิดโลงศพและวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในนั้นพวกเราจะเปิดโลงศพอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้น Van Helsing ได้ร้องไห้ขึ้นมา.. พวกเรามาสายเกินไปแล้ว !  เคาว์ส ! เข้ามาแล้ว พวกเรามองมาที่งานที่ทุกคนกำลังทำอยู่  และเห็นเคาว์ส แดร็คคูล่า เข้ามาในห้องซึ่งมืดเหมือนปกคลุมด้วยเมฆดำ ใบหน้าของเขาดูโกรธมากเป็นสีขาวและตาลุกวาวเหมือนไฟ Van Helsing จับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา  และเคาว์สก็หยุดทันที พวกเรารู้สึกกลัวมาก พวกเราก็ได้วิ่งอยู่ในบ้านหลังนั้น  เร็ว!! Van Helsing ร้องบอกทุกคน พวกเราต้องกลับไป ตอนนี้เขาเห็นพวกเราแล้วเมื่อผมได้ยิน ก็ครุ่นคิดถึงมิน่าขึ้นมา โอ้..มิน่าผมร้องไห้อย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเราได้กลับไปบ้านของ Jack ทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูเงียบมาก ผมเดินขึ้นบันได ประตูห้องนอนของมิน่าถูกล็อคอยู่  ผมเรียกเพื่อนให้ออกมา  ได้ยินเสียง ช่วยฉันหน่อย ..ช่วยฉันหน่อย!!” พวกเราช่วยกันทำลายประตู  หลังจากนั้นเลือดของผมก็ไหลออกมา และผมก็ได้เห็นผู้ชายผิวดำสูงคนหนึ่งยืนอยู่ในท่ามกลางแสงดวงจันทร์ที่ริมหน้าต่าง ในมือของเขาจับภรรยาของผมไว้ มิน่า!! ชุดของเธอเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือดและใบหน้าที่ขัดขืน เลือดของเคาว์สก็ออกมาจากปาก และเคาว์ส แดรคคูล่าที่กำลังจับมิน่าไว้แล้วให้หล่อนดื่มเลือดเข้าไป  
ผมเดินไปหาหล่อนและพยายามดึงหล่อนโดยไม่หยุดนิ่ง Van Heling เดินไปที่ เคาว์ส แดรคคูล่า และเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมา เมื่อเขาเห็นไม้กางเขน เคาว์ส แดรคคูล่า ได้จับร่างของมิน่าไว้ หล่อนร้องไห้อย่างน่ากลัว และข้ามเยงไปอย่างดุร้ายมาก บรรยากาศบนท้องฟ้ามีหมู่เมฆจับกลุ่มกับพระจันทร์อย่างน่ากลัว และเมื่อแสงดวงจันทร์ส่องมาที่เคาว์ส แดรคคูล่า  เขาก็หายไป โอ้..มิน่า ที่รักผมร้องขึ้น  เกิดอะไรขึ้น?” จงบอกพวกเรา .. ฉันรู้สึกกลัวมิน่าพูดอย่างค่อยๆ อย่าทิ้งฉันหล่อนร้องไห้ ได้โปรดอย่าทิ้งฉันเลย ใบหน้าของเธอซีดเซียว และพวกเราก็เห็นรอยแผลเล็กๆสองขีดที่คอของมิน่า หล่อนวางมือลงและกรีดร้งอย่างน่ากลัว อยู่กับฉันน๊ะหล่อนร้อง และผมก็กอดหล่อนไว้ในอ้อมแขน  จนกระทั่งแสงสว่างเช้าวันใหม่สาดส่องในทางทิศตะวันออก


                                                  ตอนที่ แดร็คคูล่าต้องตาย

วันต่อมา Van Helsing, Jack Seward,Arthur และผมกำลังคิดวางแผนกัน มิน่าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน หล่อนดูหน้าตาซีดเซียวมากแต่หล่อนก็ต้องการที่จะช่วยพวกเราด้วย พวกเรารู้ดีว่าพวกเราจะต้องฆ่าแดร็คคูล่าก่อนที่มิน่าต้องตาย ถ้าพวกเราทำไม่ได้ล่ะ” Van Helsing พูด  มิน่าก็ต้องตาย แล้วแวมไพร์ก็จะคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป”   ผมจึงกลับไปที่บ้านของเคาว์ส แดรคคูล่า เมื่อเช้านี้ และสุดท้ายโลงศพก็หายไปพวกเราต้องค้นมันให้เจอในช่วงกลางวัน ถ้าพวกเราสามารถเจอเขาก่อนที่จะมืด พวกเราก็จะสามารถฆ่าเขาได้ แต่ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนผมพูดอย่างเร่งรีบ 
สาเหตุคือพวกเราไม่รู้คำตอบ แต่หลังจากนั้นมิน่าก็พูดขึ้นว่า ฉันรู้สึกว่าฉันได้กลายเป็นแวมไพร์ไปครึ่งตัวแล้ว และบางครั้งก็มีสิ่งประหลาดเข้ามาในหัวของฉันด้วย ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นของ เคาว์ส แดรคคูล่า ตอนนี้เมื่อหล่อนกำลังพูดอยู่ ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงเรือที่เคลื่อนอยู่ในน้ำ  จึงเป็นเหตุให้ Van Helsing ร้องไห้ แคร็คคูล่าตัดสินใจออกจากประเทศอังกฤษแล้ว!”  ตอนนี้เขารู้ว่าพวกเราเป็นศัตรของเขาและมันน่าจะเป็นอันตรายต่อเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแคว้นทรานซิลเวเนียโดยเรือ พวกเราต้องออกไปค้นหารเรือนั้นในทะเลสีดำในช่วงเวลากลางคืน
ณ ศูนย์การค้าในลอนดอน พวกเราเห็นเรือลำหนึ่งล่องอยู่ในทะเลสีดำตั้งแต่คืนก่อนหน้านี้อีก พวกเราคิดว่ามันน่าจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้และพวกเราก็เห็นกล่องยาวๆใบหนึ่ง Van Helsing พูดว่า  เรือลำนั้นจะล่องไปเมือง Varna แต่พวกเราน่าจะไปยุโรปด้วยรถไฟและมันจะเร็วกว่ามากพวกเราจะออกไปจากที่นี่พรุ่งนี้!! พวกเราจะเดินทางไปลอนดอนในเดือนตุลาคม และอีก 4 วัน พวกเราก็จะไปเมือง Varna และจะไปเจอพร้อมกันที่ Galatz!
พวกเรานั่งรถไฟไปยังเมือง Galatz แต่พวกเราก็ไปสายอีกจนได้ กล่องยาวที่อยู่บนเรือได้หายไปแล้ว บางคนมาและหยิบมันไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้วพวกเราได้กลับไปยังห้องพักของพวกเราเพื่อนำเรื่องไปบอกข่าวให้กับมิน่าสุดที่รักของผม และเห็นใบหน้าของหล่อนเป็นสีขาวและน่ากลัวมาก  เขาไปแล้วหล่อนพูดอย่างรวดเร็ว และเขาก็พูดกับฉันแล้ว โอ้.... เพื่อนรักก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เธอต้องฆ่าฉันก่อน! หลังจากนั้นเธอจะทำอะไรก็ได้ที่เธอเคยทำกับลูซี่ ให้ฉันได้ตายไปเถอะ บอกกับฉันสิ่ว่าเธอจะทำสิ่งนี้เพื่อฉัน!  
สักครู่หนึ่ง มิน่าก็หลับไปแล้ว พวกเราพยายามวางแผนใหม่อีกครั้ง Van Helsing รู้สึกไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก มิน่าของพวกเราตกอยู่ในอันตรายจริงๆ หล่อนพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น-ฟันของหล่อนเริ่มยาวและคม และเมื่อเคาว์ส แดร็คคูล่า ได้คิดถึงและอ่านถึงหล่อน ตาของหล่อนก็จะดูเย็น พวกเราต้องหาเขาให้เจอ แล้วฆ่าเขาซ่ะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป!
ฉันจำจดหมายอีกไม่กี่วันนี้ได้ ฉันรู้สึกกลัวและโกรธมาก พวกเรารู้ว่าโลงศพของ เคาว์ส แดร็คคูล่า ได้เดินทางขึ้นเรือไปตามแม่น้ำแล้ว และ Jack Seward,Arthur และผมเริ่มตามไปด้วยเรืออีกลำหนึ่ง Van Helsing ได้พามิน่าไปกับเขาด้วยในการขนส่งครั้งนี้ และพวกเราก็เริ่มขับข้ามภูเขาไปยังปราสาทแดร็คคูล่า  เมื่อผมอำลาไปหล่อน หัวใจของผมเหมือนหยุดเต้น เพราะผมจะไม่ได้เจอกับหล่อนอีกแล้ว พวกเราได้ติดตามเรือของเคาว์สมา 5 วันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจับมันได้ หลังจากนี้พวกเราก็จะรู้ว่าชาวบ้านบางคนมาจากเส้นทางถนนสายเดียวกันที่พวกเรากำลังเดินทาง พวกเราจึงซื้อม้าและได้ขี่ม้าไปในคืนนั้น
ณ ช่วงยามบ่ายในวันต่อมา พวกเราได้เข้าไปใกล้ๆปราสาทแดร็คคูล่า  พวกเราต้องขี่ม้าให้เร็วกว่านี้อีก!” ผมร้องบอก แล้วพระอาทิตย์ก็ตกลงและ ทันใดนั้นพวกเราเห็นผู้ชายกำลังขี่เกวียนอยู่ข้างๆถนนและหลังเกวียนนั้นมีโลงศพอยู่ ในหัวของผมคิดอยู่สิ่งเดียวคือ ต้องฆ่าแวมไพร์ให้ได้ Arthur และ Jack อยู่ข้างหลังผม เมื่อผมเข้าไปที่เกวียน ผมกระโดดลงไปอยู่ในเกวียน และขณะที่ Jackและ Arthur ขี่ม้าตามผู้ชายอีกคนไป ฉันดันโลงศพให้ตกลงไปที่พื้น มันจึงตกลงมาและแตกเปิดออกมา ซึ่งมีเคาว์ส์ แดร็คคูล่าวางอยู่ในนั้น และแสงสุดท้ายที่สาดส่องมาจากดวงอาทิตย์ตกลงต่ำบนใบหน้าที่น่ากลัวของเคาว์ส แดร็คคูล่า ตาของเขาเผาไหม้เป็นสีแดงและพวกเขาก็มองมาที่ผมด้วยความเกลียด 
ในไม่ช้า เมื่อพระอาทิตย์ลับไป เขาก็จะเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ ผมกระโดดลงไปบนพื้น จับเข่าและหัวใจของตัวเอง และแทงมันลงไปอย่างหนักเท่าที่จะทำได้ แทงตรงไปที่หัวใจของแวมไพร์ เคาว์ส แดร็คคูล่า ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัวมาก และหลังจากนั้นก็ค่อยๆเงียบไป ในเวลาเดียวกันเมื่อดวงอาทิตย์ตก พวกเราก็เข้าไปในโลงศพอีกครั้ง มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งเนินเขาที่เป็นปราสาทแดร็ลคูล่าที่อยู่เหนือพวกเรา และในไม่ช้าพวกเราก็เห็น Van Helsingและมิน่า  เขารีบลงจากเนินเขามาหาพวกเรา ผมเดินไปหาหล่อนและเอามือของหล่อนมาโอบไว้ในแขนของผม ด้วยใบหน้าที่สวยงามดูสดใสและมีความสุขอีกครั้ง ไม่เป็นไรแล้วน่ะที่รัก!” หล่อนพูดเบาๆ พวกเราตามไปที่หลุมฝังศพของแวมไพร์ทั้งสามตัว พวกเขาไม่สามารถทำร้ายพวกเราได้อีกแล้ว และสุดท้ายแดร็คคูล่าก็ตาย พวกเราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้