วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 12 นอกห้องเรียน

Learning log 12

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนนับเป็นทักษะสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน  เพราะทุกๆทักษะย่อมให้เราได้สะท้อนความสามารถในการฝึกฝนทักษะดังกล่าว ในการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ดิฉันจึงได้ฝึกฝนทักษะการฟัง พูด โดยการดูหนัง ฟังเพลง และฝึกฝนการอ่าน โดยการอ่านนวนิยายภาษาอังกฤษนอกเวลา เพราะการใช้ภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งสำคัญมาก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้สำหรับสื่อสารในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป ซึ่งดิฉันคิดว่าการฝึกฝนดังกล่าวสามารถพัฒนาความรู้ และทักษะต่างๆให้ดิฉันมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
การฝึกฝนทักษะการฟังในวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ดิฉันได้เข้าฟังเพลงในยูทูปแล้วได้ฝึกร้องเพลงคือ เพลง Love Me Like You Do เป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับ การมอบความรักให้ซึ่งกันและกัน เพราะคนที่เธอรักเปรียบดั่งสายน้ำ แสงสว่าง ชีวิตซึ่งมีสีสัน แต่บางครั้งก็เป็นดั่งยารักษาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ครั้งแรกที่ฝึก รู้สึกร้องตามเนื้อเพลงไม่ทัน บางประโยคอาจจะเร็วเกินไป เช่น Yeah, I'll let you set the pace Cause I'm not thinking straight My head spinning around I can't see clear no more What are you waiting for? เนื้อเพลงบางส่วนในเพลงดังกล่าว ดิฉันยังร้องไม่ถนัด และบางส่วนมีการเชื่อมระหว่างคำ (Linking Sounds) เช่น spinning around ,keep it, get out, take care of, etc.
และสังเกตเห็นเนื้อเพลง ใช้  WANNA = want to แปลว่า ต้องการ (การกระทำ) ตามด้วย Verb ตัวอย่างประโยค I wanna go home. และ I don’t wanna do. หรืออีกความหมายหนึ่งคือ WANNA ซึ่งมาจาก want a  แปลว่า ต้องการ (สิ่งของ) ซึ่งสามารถใช้ตามด้วย Noun ตัวอย่างประโยค เช่น I don’t wanna thing from you. และ  GOTTA มาจาก (have) got to  แปลว่า ต้องทำ (บางอย่าง) ตามด้วย Verb ตัวอย่างประโยค I’ve gotta do that.  LEMME มาจาก  let me แปลว่า ให้ฉัน (ทำบางอย่าง) ตัวอย่างประโยค Lemme go!
เมื่อฝึกครั้งที่สองและเพิ่มครั้งที่สาม จนถึงครั้งที่สี่ดิฉันรู้สึกว่าฟังง่ายขึ้น และร้องตามคาราโอเกะทันมากขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นพัฒนาการของตนเองดีขึ้นจึงเลือกเพลงอีกเพลงมาฝึกร้องคือเพลง  Counting Stars ในวันที่ 23 ตุลาคม 2558 เพราะเป็นเพลงที่น่าสนใจและดิฉันชอบฟังมากแต่ร้องเนื้อเพลงไม่ได้ เพราะการที่ฟังเพลงที่ชอบจะทำให้เราจดจ่ออยู่กับการฝึกได้นานขึ้น ดิฉันจึงเลือกเพลงที่ภาษาไม่ง่ายหรือยากจนเกินไป เนื้อเพลงเป็นคำ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวพอให้นึกภาพตามได้ ใช้คำศัพท์ง่ายๆ ซ้ำๆ การฝึกฟังครั้งที่หนึ่ง ยังร้องตามไม่ค่อยได้สักเท่าไร สามารถร้องตามได้ประมาณ 30%
ลองฝึกครั้งที่สอง สาม สี่ จนถึงครั้งที่ห้า ดิฉันจึงลองให้เนื้อเพลงแล่นไปช้า บางประโยคที่ยากก็หยุดฟัง หลายๆรอบ การอ่านเนื้อเพลงตามไปด้วย จะทำให้ดิฉันเข้าใจความหมายของเพลงและจดจำศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น แต่การฟังครั้งแรกๆ ดิฉันลองฟังแบบไม่ดูเนื้อเพลงก่อน แล้วพยายามเขียนคำศัพท์หรือประโยคเท่าที่พอจับใจความได้ออกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงค่อยฟังซ้ำโดยเปิดเนื้อเพลงตามไปด้วย เริ่มจดจำเนื้อร้องของเพลงได้บ้างแล้ว จึงลองหัดฮัมเพลงเป็นภาษาอังกฤษแบบไม่ดูเนื้อร้องดู รู้สึกคุ้นชินกับการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้น จึงสามารถร้องเพลงได้ประมาณ 80%
และเนื้อเพลงดังกล่าวสังเกตเห็นการใช้ Gerund หรือ กริยานาม คือ Verb (กริยา) ที่นำมาทำให้เป็นคำนามโดยการเติม –ing เข้าไปยังกริยานั้นๆ โดยเราสามารถนำ Gerund มาวางไว้ได้ทั้ง หน้า กลาง และ หลังประโยคซึ่งเป็นได้ทั้งประธานและกรรมในประโยค เช่น Dreaming about the things that we could be,  Swing my heart across the line, Like a swinging vine, In my faces flashing suns และการใช้ Noun clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า that ในกรณีที่ ใช้ตามหลัง verbs บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น  I feel that something so right, I things that we could be, I don't think that the world is sold
การฝึกทักษะการพูดและการฟัง ในวันที่ 19 ตุลาคม 2558 โดยการดูหนัง เรื่อง Home Alone เป็นภาพยนตร์ตลกอเมริกัน ครั้งแรกที่ดู ดิฉันได้เข้าไปดูในห้อง TV ที่ศูนย์ภาษา ในรายวิชาของ อาจารย์ Chark ซึ่งเป็นรายวิชาที่เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน ซึ่งหนังดังกล่าวก็เป็นหนังที่สะท้อนถึงเทศกาลคริสมาสของชาวอเมริกา ซึ่งตอนดูในบางฉากบางตอนก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเพราะตัวละครพูดเร็วจนเกินไป แต่การดูหนังไม่เปิดซับไตเติ้ล เพราะการดูหนังพร้อมซับไตเติ้ลภาษาไทย จะทำให้เราสับสนมากกับศัพท์บางคำมากยิ่งขึ้น เพราะด้วยบริบททางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน บางทีซับไตเติ้ลภาษาไทยก็อาจจะแปลไม่ตรงกับภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งคือ พอเปิดซับไตเติ้ลแล้วส่วนใหญ่ดิฉันมักจะเผลอตั้งใจอ่านแต่ซับไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ประสิทธิภาพในการฟังลดลง
แล้วจึงกลับมาดูอีกรอบ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2558 โดยดูจากเว็บไซต์ http://www.movie2free.com/home-alone-1 ทำให้เข้าใจในภาษาของตัวละครในการใช้ภาษาในบทละครนั้นๆได้ดียิ่งขึ้น ในช่วงแรกๆก็เปิดดูซับไตเติ้ลไปด้วยเพราะไม่เข้าใจจริงๆ ฟังไม่ค่อยออกไม่เข้าใจเรื่องราวแบบละเอียดจริงๆ จึงลองเปิดดูซับไตเติ้ลไปก่อน แล้วจึงฝึกครั้งต่อไปโดยการเปลี่ยนซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษและใช้ภาษาอังกฤษ ได้เห็นการใช้ภาษาอังกฤษในหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้ภาษาพูดในการสื่อสารกัน โดยไม่เป็นภาษาทางการ
จึงเข้าใจเนื้อเรื่องมีประมาณว่า เควิน ซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย ที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง เนื่องจากทุกคนในบ้านต่างกระตือรือร้นในการไปเที่ยวในช่วงวันหยุดคริสต์มาส เมื่อเด็กน้อยอยู่ตามลำพังแล้ว เควินได้จัดการแต่งบ้านเสียใหม่ เพื่อฉลองเทศกาลให้กับตัวเอง โดยมีโจรซื่อบื้อ 2 นาย พยายามที่จะ เข้ามาขโมยของภายในบ้าน โดยไม่รู้อนาคตของตัวเอง ในที่สุดโจรทั้งสองก็ต้องมาตกหลุมที่หนุ่มน้อยเควินได้ขุดล่อเอาไว้ หนังเรื่องดังกล่าว เป็นหนังสนุกมาก ลักษณะการพูดของตัวละครคือ เควิน ฟังไม่ยากมาก แต่สำหรับผู้ประกอบในเรื่อง บางคนก็ฟังยาก เพราะพูดเร็วไป แต่บางประโยคฟังง่าย เป็นภาษาพูดที่ฟังง่ายๆคำศัพท์ไม่ยากจนเกินไป
และรู้สึกประทับใจตัวละครหลักมาก คือ เด็กน้อยเควิน ซึ่งหนังดังกล่าว ทำให้ดิฉันได้รับข้อคิดมากมายเพื่อนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต แม้เราจะอยู่เพียงลำพังในบ้าน อาจดูว่าโลกภายนอกมันโหดร้าย และมีเรื่องราวน่ากลัวมากมาย แค่เพียงเรามีสติและเชื่อมั่นในตนเองว่าเราสามารถที่จะยืนหยัดและแก้ปัญหาของเราเองได้ สุดท้ายตัวเราเองจะรู้สึกมีความสุขมากที่เราได้ก้าวผ่านจุดที่เลวร้ายนั้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ
การฝึกทักษะการอ่านในวันที่ 24 ตุลาคม 2558 โดยการอ่านข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ดิฉันเลือกข่าวเรื่อง Muslims deny that Thai resterants help fund terrorists เป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวมุสลิมปฏิเสธข่าวร้านอาหารไทยให้เงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งจากที่ได้อ่านและติดตามข่าวสารมีความว่า กลุ่มชาวมุสลืมที่หลบหนีสถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ได้เข้าไปตั้งรากฐานในประเทศมาเลเซียและได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นพ่อครัวในร้านอาหารไทย เมื่อไม่นานมานี้นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวอ้างว่าร้านอาหารหลายแห่งในแถบนั้นเป็นแหล่งสำคัญที่ช่วยหาเงินทุนและกำลังคนสนับสนุนพวกผู้ก่อการร้าย
ซึ่งแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางมาเลเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างโกรธเคือง จากการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้พบว่ามีคนไทยมุสลิมกว่า 230,000 คนทำงานในมาเลเซีย และส่งเงินกลับเข้าประเทศไทยกว่า 6 พันล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามไม่มีการระบุถึงตัวเลขจำนวนเงินที่ส่งกลับไทยโดยคนงานไทยที่ทำงานในร้านอาหารในมาเลเซียจากการอ่านข่าวดังกล่าว ดิฉันได้รับความรู้เรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เช่น settled แปลว่า ตั้งรากฐาน funding แปลว่าหาทุนให้เงินสนับสนุน separatists แปลว่า พวกแบ่งแยกดินแดน,vehemently แปลว่า อย่างรุนแรงและ remit แปลว่าส่ง (เงิน)ทางไปรษณีย์
การอ่านข่าวภาษาอังกฤษจากหนังสือพิมพ์ไม่ได้เพียงแค่ให้เราได้ทราบข่าวสารบ้านเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้ดิฉันได้ฝึกฝนและรักการอ่านภาษาอังกฤษ จนเป็นที่เคยชิน ซึ่งส่งผลให้เราได้พัฒนาและเกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสามารถฝึกอ่านออกเสียงคำที่ลงท้ายด้วย –ed,sh,ch รวมถึงการอ่าน stress คำให้ถูกต้องและการ Linking Sounds.
ดังนั้นการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ทำให้ดิฉันเกิดการเรียนรู้นำไปสู่การพัฒนาทักษะทั้ง 4 ทักษะ คือทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ในการพัฒนาทักษะในครั้งนี้ดิฉันได้ฝึกทักษะทั้งหมด 3 ด้านคือ ฝึกฝนการพูดและการฟังด้วยการดูหนัง ฟังเพลง ซึ่งจากการฝึกฝนดังกล่าว ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันสามารถดูหนังและฟังเพลงเข้าใจความหมายได้ดีมากขึ้น และเร็วกว่าเมื่อก่อน สามารถพูดหรือเลียนแบบประโยคได้หลายประโยค อีกทั้งฝึกฝนการอ่านผ่านการอ่านหนังสือพิมพ์ Bangkok post ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์ได้มากขึ้น และสามารถฝึกออกเสียงคำแต่ละคำในเนื้อเรื่องข่าวได้มากยิ่งขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้