วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 2

Learning log 2

(ในห้องเรียน และนอกห้อง)

            การเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องไม่จำกัดวงแคบอยู่แต่ในเฉพาะห้องเรียน การเรียนการสอนจะต้องเสริมการศึกษานอกห้องเรียนด้วยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกทักษะการใช้ภาษาต่างๆเพิ่มเติมให้มากที่สุด ตามความสนใจ ความสามารถและความต้องการของผู้เรียน การใช้ภาษาอังกฤษสามารถนำไปพัฒนาทักษะการเรียนรู้ได้หลากหลายด้านทั้งการพูด (speaking) การฟัง(listening) การอ่าน(reading) และการเขียน (writing) รวมทั้งทักษะการแปล ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนต่อไป และก่อนที่เราจะแปลงานออกมาได้อย่างถูกต้อง ชัดเจนเราควรศึกษาและคำนึงถึงสิ่งสำคัญที่เราควรรู้คือ กลยุทธิ์ในการเรียนภาษา และยิ่งไปกว่านั้นเราต้องรู้จักตนเอง โดยตั้งคำถามกับตัวเองยึดหลักการ KWL

                สำหรับความรู้ที่ได้รับในห้องเรียนประเด็นที่ 1 คือการเข้าใจในหลักการ KWL  ก่อนที่เราจะเรียนรู้ มีหลักเกณฑ์ 3 อย่าง ที่ควรศึกษาและตั้งคำถามตนเองก่อน คือ 1. What you know? 2. What you want to know? 3.What you have learn? หากเราสามารถตอบตนเองได้ว่า ตอนนี้เรารู้อะไรบ้าง เราต้องการเรียนรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติม และเรามีความรู้อะไรบ้างมากน้อย แค่ไหน ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การประเมินตนเอง (metacognition) ประเมินว่าเราควรค้นคว้าเรื่องใดเพิ่มเติมในสิ่งที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจ ประเด็นที่ 2 คือการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้สอนที่ได้สอนเรามาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสะท้อนการนึกคิดของนักศึกษาที่มีต่อผู้สอนและรู้จักคิด วิเคราะห์ และเสนอความคิดเห็นของตนเองโดยการเรียบเรียงคำพูดที่เหมาะสมผ่านความคิดเห็นส่วนตน โดยสรุปทัศนคติเชิงบวกที่นักศึกษามีต่อผู้สอน 2 ท่านจากผู้สอนทั้งหมด 5 ท่าน เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่คิดว่ารูปแบบการสอนของอาจารย์ทั้งสองท่านทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีกว่า เข้าใจกว่า และได้เสริมทักษะการใช้ชีวิตอีกด้วย ซึ่งการนำเสนอความคิดดังกล่าวทำให้นักศึกษาได้คิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์เป็น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้อย่างเหมาะสมและอาจารย์ก็สามารถประเมินความรู้ ความนึกคิด ของนักศึกษาได้ เพื่อใช้ในการวางแผนการเตรียมสอนในหลักสูตรการเรียนวิชาการแปล ประเด็นสุดท้ายในการเรียนรู้ในชั้นเรียน คือ การสื่อสาร (communication) การสื่อสารมี 2 แบบ คือ one way communication และ two way communication 1. One way communication หมายถึง การสื่อสารทางเดียว ซึ่งป็นการสื่อสารที่ผู้รับไม่สามารถโต้ตอบกับผู้ส่งในสิ่อกลางเดียวกันได้ ผู้ส่งเป็นฝ่ายส่งข่าวเพียงอย่างเดียว ซึ่งเรียกว่า Simplex และ 2. Two way communication หมายถึงการสื่อสารที่ผู้ส่งและผู้รับข่าวสาร สามารถโต้ตอบกันได้ในสื่อกลางเดียวกันเรียกว่า Duplex การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้รับสารตีความหรือแปลข่าวสารและเข้าใจเข้าใจความหมายข่าวสารได้ถูกต้องตรงตามที่ผู้ส่งต้องการ
     สำหรับความรู้ที่ได้รับจากนอกห้องเรียน คือ กลยุทธ์ในการเรียนภาษา โดย รศ.ดร. สมศีล  ฌานวังศะ ได้กล่าวว่าการเรียนภาแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆเป็นส่วนใหญ่ โดยมีสองด้านควบคู่กัน คือ ความรู้และทักษะ ซึ่งความรู้เป็นภาคทฤษฎี ส่วนทักษะเป็นภาคปฎิบัติ การเรียนแต่ภาคทฤษฎีโดยไม่ฝึกปฏิบัติ ย่อมไม่อาจทำให้บรรลุเป้าหมาย คือสามารถใช้ภาษาได้ กลยุทธ์ในการเรียนมีองค์ประกอบ 10 ประการ 1.ศึกษา โดยมี 2 ด้านคือศัพท์กับไวยากรณ์  เพื่อใช้สื่อความหมายได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและมีความรู้ อีก 2 ด้าน คือความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติภาษา และความรู้เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2.ฝึกฝน การจะฝึกทักษะภาษาให้ได้ผล อินทรีย์ หลายทางควบคุมกัน คือ ตา-ดู ครอบคลุมทั้งการอ่าน การดู และการสังเกต  หู-ฟัง การฟังเสียงในการบรรยาย โทรทัศน์  วิทยุ วีดีทัศน์ และสื่อมัลติมิเดียต่างๆ ปาก-พูด การออกเสียง หรือการพูดสนทนา การกล่าวสุนทรพจน์ มือเขียน ได้แก่การเขียน การใช้พิมพ์ดีด หรือคอมพิวเตอร์  รวมไปถึง หัวคิดเป็นสมรรถนะด้านปัญญาในการคิดพิจารณา ใจรักเป็นสมรรถนะทางจิตใจ 3. สังเกต ต้องฝึกเป็นคนช่างสังเกต มีความละเอียด รอบคอบในการใช้ภาษาทั้งการใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษและคำศัพท์ 4. จดจำ เป็นการบันทึกอักษร ควบคู่กับการท่องปากเปล่า สิ่งที่จดจำไว้ยังสามารถใช้ตรวจสอบ หรืออ้างอิงในภายหลัง 5. เลียนแบบ การเลียนแบบภาษาของเจ้าของภาษาโดยใช้แบบอย่างในการฝึกตามได้
และ 6. ดัดแปลง การใช้ข้อมูลทางไวยากรณ์ในรูปของโครงสร้างกริยาหรือหลักไวยากรณ์ในการดัดแปลงถ้อยคำและโครงสร้างที่ปรากฎในประโยค 7. วิเคราะห์ การวิเคราะห์มี 3 ระดับ คือ ระดับศัพท์ เป็นการวิเคราะห์โครงสร้างและความหมายของวลีประโยค ระดับถ้อยความ เป็นการวิเคราะห์โครงสร้างประโยคและความหมายระหว่างประโยค 8. ค้นคว้า การค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะจากพจนานุกรมภาษากฤษล้วนสำหรับผู้เรียนภาษา ซึ่งมีข้อมูลความรู้ครบครัน 9. ใช้งานเมื่อเรียนรู้ภาษาแล้ว ก็สมควรจะใช้งานจริงในการปฎิบัติจริง เพื่อทดสอบความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้มานั้นเพียงพอหรือไม่ 10. ปรับปรุง ผู้เรียนภาษาที่ดีต้องช่างสังเกตและเรียนรู้จากข้อบกพร่องไม่ว่าจะทางศัพท์ สำนวน ไวยากรณ์ วิธีรออกเสียง หรือด้านอื่นๆเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขด้วยการศึกษา ฝึกฝน วิเคราะห์ ค้นคว้า และหาโอกาสไปทดสอบใหม่เพื่อวัดการพัฒนาในการใช้ภาษาในด้านนั้นๆ
                การศึกษาทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ล้วนมีความสำคัญต่อนักศึกษาเพื่อใช้พัมนาการใช้ภาษาอังกฤษในทักษะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการ พูด ฟัง อ่าน เขียน หรือ ในเรื่องอื่นๆ ได้แก่ คำศัพท์  ไวยากรณ์ การออกเสียง ยิ่งกว่านั้นคือ การคิดวิเคราะห์ การประเมินตนเอง ซึ่งทำให้นักศึกษาได้ทราบถึงข้อบกพร่องอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาในครั้งนี้ ทำให้ดิฉันได้รับความรู้มากมายที่สามารถนำไปพัฒนาทักษะการแปลให้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถประยุกต์ใช้ความรู้จากที่ได้ศึกษากลยุทธ์ในการเรียนภาษามาปรับใช้ควบคู่กับการเรียนต่อไปได้อย่างเหมาะสม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้