Learning log 3
(นอกห้องเรียน)
จากการศึกษานอกชั้นเรียนครั้งนี้
ดิฉันได้ไปศึกษาเพื่อฝึกทักษะ 2 ด้าน คือทักการฟัง (Listening) และทักษะการพูด (speaking)
การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราทำความคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา นอกจากนี้เราจะได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการพูดคุยทั่วๆไป
สิ่งนี้หาได้ยากมาก ตามหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ
การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษด้วยตนเองจะสามารถเปิดโอกาสให้เราฝึกพูดตามไปด้วย
ต่างจากการดูหนังภาษาอังกฤษที่อาจใช้คำยากมาก
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาดีพอ
แทนที่จะได้ฝึกการฟังกลับต้องมาคอยเปิดดิคชันนารี ตีความเอง อาจมีผิดบ้าง ถูกบ้าง
การฝึกฟังและฝึกพูดบ่อยๆจะทำให้เราซึมซับและจดจำและเข้าใจง่ายทันทีที่ได้ยิน
โดยฝึกได้จากการดูหนัง ที่ไม่ยากจนเกินไปซึ่งเหมาะแก่การฝึกในช่วงแรกๆ
แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากขึ้น เรื่อยๆ และการฝึกทักษะด้านต่างๆทั้งการฟัง พูด
อ่าน เขียน สามารถฝึกได้จากเว็บไซต์ของ BBC เป็นเว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจมาก
และเหมาะสมแก่ผู้ที่ต้องการฝึกทักษะด้านการฟังและการพูดได้เป็นอย่างดี
ดิฉันได้เข้าไปศึกษาจาก WWW.bbc.co.uk/learningenglish/ เป็นเว็บไซต์ที่ดิฉันสนใจและเหมาะสมสำหรับดิฉันและผู้ที่ต้องฝึกการฟังภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ
โดยบทเรียนต่างๆก็มีตั้งแต่เรื่อง หลักการใช้ไวยากรณ์
ไปจนถึงการใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานหรือธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีทั้งไฟล์คริปเสียง และไฟล์ตัวหนังสือ
ซึ่งทำให้เราสามารถฝึกฟังและอ่านไฟล์ตัวหนังสือไปพร้อมๆกันช่วงแรกๆ ของการฝึก
ดิฉันจึงเลือกศึกษา เรื่อง Antonyms ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายตรงข้ามกัน
ในเพจดังกล่าวประกอบด้วยคลิปเสียงบทสนทนาภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาโดยตรง
ชื่อฟิล์มและแคทรีน ซึ่งพวกเขาใช้สำเนียงอังกฤษในการสนทนา
โดยนำคำศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้าม (Antonyms)
มาประยุกต์ใช้ในบทสนทนาด้วย เช่น comfortable-uncomfortable,decisive-indrecisive,dark-light,narrow-wide
เป็นต้น สำเนียงที่ใช้พูดภาษาไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป ฟังง่าย
แต่จะสังเกตได้ว่า สำเนียงการพูดของแคทรีนจังง่ายกว่าฟิล์ม ในช่วงแรกๆ
ก็ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของบทสนทนา อาศัยการเดาว่าอาจเป็นเรื่องราวยังไง
คำศัพท์บางคำแปลไม่ถูกต้อง
แต่เมื่อฝึกฟังหลายๆรอบก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
จากการฝึกทักษะการฟัง
อีกประการหนึ่งคือ การดูภาพยนตร์ เรื่อง Romeo and Juliet ซึ่งเป็นหนังแนวโศกนาฏกรรม
จากการดูครั้งนี้ได้ความว่า ณ เมืองเวโรนา ประเทศอินตาลี โรมิโอ และจูเลียตนั้นเป็นบุตรชายและบุตรสาวของสองตระกูลที่ไม่ถูกกัน
วันหนึ่งที่คฤหาสน์ของจูเลียตจัดงานเลี้ยง โรมิโอก็ได้แอบเข้าไปในงาน และได้พบกับจูเลียต
ทั้งสองจึงเกิดชอบพอกัน หลังจากวันนั้นโรมิโอจึงแอบเข้าไปหาจูเลียตที่คฤหาสน์บ่อยๆ
และลักลอบได้เสียกันโดยที่พ่อแม่ ของจูเลียตไม่รู้
ต่อมาจูเลียตจำเป็นต้องแต่งงานกับชายที่พ่อแม่หาให้
จึงบอกให้โรมิโอพาตนหนีแต่ก็หนีไม่ได้ เมื่อพ่อกับแม่ของจูเลียตรู้ว่าโรมิโอกับจูเลียตรักกันก็กีดกันไม่ให้ทั้งสองรักกันและจะจัดงานแต่งงานของจูเลียตโดยเร็วที่สุด
และโรมิโอก็ต้องหนีไปเพราะโรมิโอไปมีเรื่องกับญาติของจูเลียตทำให้คนในตระกูลของจูเลียตจะจับโรมิโอไปลงโทษ
จึงทำให้โรมิโอและจูเลียตต้องพลัดพรากจากกัน เมื่อใกล้ถึงวันแต่งงานจูเลียตจึงได้วางแผนให้คนเขียนจดหมายให้โรมิโอมาหาที่โบสถ์แห่งหนึ่ง
แล้วจูเลียตก็แกล้งกินยาชนิดหนึ่งที่เป็นยาที่เมื่อใครกินแล้วจะเหมือนกับตายเข้าไป
และคิดว่าเมื่อยานี้หมดฤทธิ์แล้วโรมิโอมาถึงพอดีทั้งสองก็จะหนีไปพร้อมกัน
แต่โรมิโอก็มาถึงก่อนเวลาที่ยาจะหมดฤทธิ์จึงทำให้โรมิโอนัน้คิดว่าจูเลียตตายแล้วจริงๆ
จึงเสียใจมาก จึงฆ่าตัวตายตามจูเลียตไป เมื่อจูเลียตฟื้นขึ้นมาเห็น
โรมิโอนอนตายอยู่ข้างตนจึงฆ่าตัวตายตามไป
ในที่สุดความตายของทั้งสองคนก็ทำให้ทั้งสองตระกูลคืนดีกัน
จากการดูภาพยนตร์ดังกล่าวทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง
ในช่วงแรกซึ่งเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง โดยในรอบแรกเปิดดูโดยมีซับไทยประกอบด้วย
ทำความเข้าใจโดยอ่านซับไทยไปบ้างแล้วจึงลองเปิดดูอีกรอบโดยไม่มีซับไทยไม่มีคำแปลเลยตั้งใจฟังให้ตนเองมีสมาธิให้มากกว่าเดิม
การฟังหลายๆรอบจะทำให้เรารู้สึกคุ้นชินกับคำศัพท์ และประโยคนั้นๆ
และสามารถส่งผลให้เราฟังและเข้าใจในภาพยนตร์นั้นที่กำลังดู และสนุกไปกับสิ่งที่ดู
แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ มันจะทำให้เรารู้สึกไม่น่าเบื่อ
ไม่อยากดูและสิ่งที่สำคัญในการฝึกทักษะการพูดจากการดูภาพยนตร์คือ
การสังเกตปากในการพูดของตัวละครแต่ละคน จะทำให้เราเข้าใจและออกเสียงคำศัพท์ได้ถูกตองชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะทำให้ทักษะการพูดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกประการหนึ่งคือ
การฝึกทักษะการพูดโดยบทสนทนาภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ BBC สามารถฝึกทักษะการพูดได้เป็นย่างดี
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดโดยการฝึกพูดตามบทสนทนาไปด้วยพูดซ้ำๆ หลายๆครั้ง
โดยในช่วงแรกๆเราอาจจะไม่คุ้นชินในประโยค
ยังพูดตามไม่ทันแต่เราสามารถฝึกเป็นคำๆไปก่อนสำหรับคำที่ออกเสียงยาก
เมื่อฝึกได้แล้วก็ฝึกเป็นประโยคต่อโดยสังเกตเสียงหนักเบาของคำศัพท์ รวมทั้งการ
stress คำหรือประโยค เพราะคำที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม หรือกริยาจะ stress
ไม่เหมือนกัน หรือการออกเสียงคำที่ลงท้ายด้วย -es –ed ต่างๆนอกจากนี้หากเรายังไม่คล่องแคล่วเราสามารถนำบทสนทนานี้ไปฝึกพูดกับเพื่อนบ่อยๆ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วขึ้น
ดังนั้นทั้งทักษะการฟังและทักษะการพูดล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรตระหนักไว้ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
เพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเพราะถ้าเราขาดทักษะทั้ง 2 ด้าน
เราไม่สามารถที่จะสื่อสารกับชาวต่างชาติได้เลย
เปรียบเสมือนเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยการฝึกทักษะการพูดละการฟังจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่าสำคัญมากในยุคปัจจุบันนี้และอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะมาถึง
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีก็เป็นดั่งปัจจัยสี่ทุกคนขาดไม่ได้
ดังนั้นเราสามารถอาศัยเทคโนโลยีในการฝึกได้เช่น การฟังคลิปเสียง หรือฟังจากวิดีโอ
บทสนทนา การออกเสียงที่ถูกต้องจากเจ้าของภาษา
หรือการดูภาพยนตร์ในการแสดงความรู้สึก
แสดงอารมณ์ที่เกี่ยวข้องนั้นให้ตรงกับเจ้าของภาษาโดยการเลียนแบบเสียงจะทำให้เราเกิดการเรียนรู้ทางภาษาได้เร็ว
อย่างเช่นการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆอย่างน้อยที่สุดก็ต้องฟังรู้เรื่องก่อนแล้วจึงจะสามารถพูดโต้ตอบได้
หรือพูดได้ พูดเป็น จึงจะทำให้การสื่อสารนั้นมีความเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น