Learning
log 9
นอกห้องเรียน
จากการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้
ดิฉันได้ศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ 4 ด้าน คือทักษะการพูด (Speaking
Skill) โดยศึกษาจากเว็บไซต์ http://www.englishbychris.com/portfolio-items/5-ways-to-learn-english/ เรื่อง วิธีการเรียนภาษาอังกฤษ
(Learn English Step) และการฝึกทักษะการฟัง เขียน
อ่านภาษาอังกฤษ จาก http://th.wikihow.com/เรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เหมาะสมอย่างมากในการเรียน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ การท่องเที่ยวหรือเหตุผลส่วนตัวอื่น ๆ
แต่การเรียนภาษานั้น ไม่ว่าจะภาษาใดก็ตาม ก็ต้องใช้ความขยัน ความตั้งใจและไม่อายที่จะพูดแม้ว่าอาจจะผิด
เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีความสำคัญและเป็นภาษากลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เมื่อมีการเปิดสมาคม
ASEAN อย่างเสรี
ทำให้ประเทศสมาชิกสามารถเดินทางไปยังประเทศสมาชิกาอื่น ๆ
ได้โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ในการพูดภาษาอังกฤษ หากพูดผิดหรือใช้คำผิดก็ไม่สามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจได้
ประเด็นแรกบทความนี้จะมีการกล่าวถึงเทคนิคในการเรียนภาษาอังกฤษ
เพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้องนำไปสู่การเพิ่มทักษะในการพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง
วิธีที่หนึ่งคือ ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละน้อยทุก
ๆ วัน วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาคือการพูดภาษานั้น ๆ
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มพูดและรู้ศัพท์เพียงเล็กน้อยหรือคุณค่อนข้างพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว
การพูดภาษาอังกฤษกับคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
อย่ารอจนกว่ารู้สึกพร้อมที่จะพูดภาษาอังกฤษเพราะมักจะไม่รู้สึกแบบนั้นถ้าเพิ่งหัดพูด
สิ่งที่ควรทำคือหัดพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่วันนี้
แล้วคุณจะแปลกใจเมื่อได้เห็นว่าทักษะภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาไปได้ขนาดไหน ลองหาชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ดูสักคน
โดยหาคนที่สามารถให้เวลาในการฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ พูดคุยกันเป็นเวลา 30 นาทีด้วยภาษาอังกฤษ จากนั้นก็คุยกันด้วยภาษาไทยในอีก 30 นาทีต่อมา หากอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
คุณอาจจะลองฝึกพูดโดยเริ่มจากบทสนทนาง่าย
วิธีที่สอง ฝึกการอ่านออกเสียงให้ถูกต้องด้วย.
แม้ว่าคุณอาจจะเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งแล้วเพราะคุณรู้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องและรู้ศัพท์มากมาย
แต่ฝรั่งก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณพูดหากคุณยังออกเสียงได้ไม่ถูกต้อง การออกเสียงให้ชัดเจนก็เป็นสิ่งจำเป็นถ้าต้องการเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษ
ลองฟังว่าฝรั่งออกเสียงคำแต่ละคำว่าอย่างไรแล้วพยายามเลียนแบบเสียงที่คุณได้ยินให้ได้ใกล้เคียงที่สุด
สังเกตเสียงพยัญชนะหรือสระที่คุณไม่คุ้นเคยเพราะเสียงนั้นไม่มีในภาษาไทย อย่างเช่น
หลายคนมีปัญหาในการออกเสียง “r” เพราะเสียงนี้ไม่มีในภาษาไทย
หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหากับเสียงจากพยัญชนะควบ “th” ทั้งนี้การออกเสียงคำภาษาอังกฤษบางคำอาจจะออกเสียงได้หลายแบบโดยขึ้นอยู่กับสำเนียงนั้น
ๆ เช่น สำเนียงของคนอเมริกัน สำเนียงของคนอังกฤษ เป็นต้น
หากคุณจะไปเที่ยวหรืออยู่ที่ประเทศดังกล่าว คุณควรรู้วิธีในการออกเสียงคำต่าง ๆ
ในสำเนียงนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
วิธีที่สาม จดจำและเรียนรู้ศัพท์รวมไปถึงสำนวนต่าง
ๆ (Idiom)
ในภาษาอังกฤษ ทำให้การพูดภาษาอังกฤษง่ายขึ้น วิธีหนึ่งในการจดจำและเรียนรู้สำนวนต่าง
ๆ ก็คือ การพูดคุยกับฝรั่ง ซึ่งจะสามารถใช้ศัพท์และสำนวนได้อย่างถูกต้องและฟังดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ อาจจะลองฝึกจากการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
การดูทีวีและการฟังข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน เมื่อเรียนรู้ศัพท์หรือสำนวนใหม่
ๆ คุณควรลองแต่งประโยคจากคำหรือสำนวนนั้น ๆ
เพราะการแต่งประโยคเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณจำคำหรือวลีเหล่านั้นได้ดีที่สุด อีกวิธีนึงในการจดจำศัพท์คือ
การแปะป้ายคำศัพท์ไว้ในสิ่งต่าง ๆ รอบบ้าน เมื่อคุณใช้สิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้
คุณก็จะเห็นคำศัพท์ของสิ่งของนั้น ๆ แล้วก็จะจำได้ในที่สุด หรือลองหาสมุดเปล่าซักเล่มมาจดสำนวนภาษาอังกฤษต่าง
ๆ ที่ฝรั่งใช้เป็นประจำ อย่างเช่น สำนวนที่ว่า “It’s raining cats and
dogs.” แปลว่าฝนตกหนัก หรือ “cloud nine” ที่แปลว่ามีความสุขมาก
หรือการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ว่า “a piece of cake” ซึ่งแปลว่าสิ่งนั้นง่ายมาก
การใช้สำนวนเหล่านี้ในบทสนทนาบ้างจะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณดูดีและเป็นธรรมชาติขึ้น
วิธีที่สี่ สมัครเรียนภาษาอังกฤษที่สอนให้หัดพูดเป็นกลุ่ม.
การเข้าเรียนทำให้เราได้หัดพูดภาษาอังกฤษเป็นประจำ นอกจากนี้
การเรียนคอร์สภาษาอังกฤษก็เป็นวิธีที่ดีในการหัดพูดภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ในห้อง
ครูจะสอนให้คุณพูดได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และมักจะสอนโครงสร้างไวยากรณ์ ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆการจับกลุ่มหัดพูดภาษาอังกฤษเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้
โดยวิธีนี้จะเน้นให้คุณสามารถสื่อสารได้เข้าใจมากกว่าเน้นเรื่องความถูกต้องของไวยากรณ์
แต่การหัดพูดด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณกล้าพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นได้มากขึ้น การเรียนภาษาอังกฤษทั้งสองวิธีดังกล่าวนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป
แต่ถ้าเป็นไปได้คุณควรลองเรียนทั้งสองแบบ
และวิธีสุดท้าย พกพจนานุกรมติดตัวตลอดเวลา.
(โดยจะพกพจนานุกรมแบบเล่มหรือดาวน์โหลดพจนานุกรมลงในมือถือก็ได้) การพกพจนานุกรมจะช่วยให้ไม่ติดกับคำศัพท์
ซึ่งจะช่วยไม่ให้ต้องอายเวลาที่คุยกับฝรั่งแล้วลืมคำศัพท์ไป เพราะสามารถค้นหาความหมายของศัพท์นั้นได้ทันที
นอกจากจะช่วยไม่ให้รู้สึกเคอะเขินแล้ว การค้นหาความหมายของศัพท์แล้วนำไปใช้ในประโยคทันทีจะช่วยให้สามารถจำคำศัพท์นี้ได้ด้วย
การพกพจนานุกรมยังช่วยให้สามารถท่องศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีเวลาว่างระหว่างวัน
เช่น ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน ระหว่างรอสัญญาณไฟข้ามถนนหรือระหว่างที่จิบกาแฟยามเช้า
ซึ่งสามารถจำศัพท์เพิ่มได้มากถึง 20-30
คำต่อวันเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ
คุณควรใช้พจนานุกรมที่แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยก่อน แต่เมื่อเริ่มมีทักษะด้านภาษาอังกฤษมากขึ้นแล้ว
ควรเปลี่ยนมาใช้พจนานุกรมแบบแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งจะแปลคำภาษาอังกฤษด้วยคำอธิบายความหมายของคำนั้นด้วยภาษาอังกฤษ
จากการเรียนรู้เทคนิควิธีการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มทักษะในการพูดภาษาอังกฤษ
ดิฉันจึงนำแนวทางดีๆมาปรับใช้ในการเรียนรู้ คือการพกพาพจนานุกรมภาษาอังกฤษติดตัวตลอดเวลา
โดยจะพกพจนานุกรมแบบดาวน์โหลดลงในโทรศัพท์มือถือ ชื่อโปรแกรม Thai
Fast Dict EN-TH เป็นโปรแกรมที่ใช้ช่วยแปลความหมายคำศัพท์
ภาษาอังกฤษเป็นไทย และต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Lexic EN Lite เป็นโปรแกรมแบบแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษซึ่งจะมีคำอธิบายความหมายของคำคำนั้นด้วยภาษาอังกฤษ
และการคุยแชทในสื่อออนใลน์กับชาวต่างชาติเพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ พบว่าการพกพจนานุกรมจะช่วยให้สามารถค้นหาความหมายของศัพท์ที่ต้องการนั้นได้ทันทีและสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ในประโยค
และสามารถจดจำคำศัพท์นี้ได้ด้วย
อีกทั้งได้ฟังเสียงที่ถูกต้องเพื่อใช้ตรวจสอบการออกเสียงที่ถูกต้องนำไปสู่การใช้ภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกประเด็นคือ การฝึกทักษะการฟัง เขียน
อ่านภาษาอังกฤษ สิ่งที่ควรทำในการเรียนภาษาอังกฤษโดยมีวิธีดังนี้คือ Learn
English Step 01 ฟังรายการวิทยุที่เป็นภาษาอังกฤษ.
โดยอาจจะฟังจากวิทยุโดยตรงหรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชันวิทยุลงในมือถือเพื่อฝึกการฟังจับใจความภาษาอังกฤษ
พยายามฝึกฟังรายการเหล่านี้ให้ได้อย่างน้อยประมาณ 30
นาทีต่อวัน โดยอาจจะฟังระหว่างที่คุณออกกำลังกาย
เดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงานหรือระหว่างที่คุณนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ได้
นอกจากนี้ คุณควรจะพยายามเข้าใจสิ่งที่ฟัง ไม่ใช่ฟังผ่าน ๆ แม้อาจจะฟังไม่ทันบ้าง
ก็พยายามจับคำหลักหรือวลีหลัก ๆ เพื่อเข้าใจว่ารายการนั้นกำลังพูดถึงอะไรอยู่
หากเป็นไปได้ ให้ลองจดคำหรือวลีที่คุณแปลไม่ได้แล้วลองค้นความหมายในพจนานุกรม
แล้วฟังรายการนั้น ๆ อีกครั้งเพื่อสังเกตการใช้คำหรือวลีนั้น ๆ ในบริบท
Learn English Step 02 ฝึกจากการดูหนังหรือรายการทีวีภาษาอังกฤษก็เป็นอีกวิธีที่ทั้งสนุกและช่วยเพิ่มทักษะการฟังได้
เลือกหนังหรือรายการทีวีที่ชอบมาซักเรื่อง ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่เบื่อกับการฝึก
หากเป็นไปได้ให้คุณพยายามเลือกหนังหรือรายการที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น
การ์ตูนหรือหนังชื่อดัง ถ้าคุณพอรู้เรื่องคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คุณดูแล้ว
คุณจะฟังออกและเข้าใจได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม
คุณก็ไม่ควรจะดูหนังหรือรายการทีวีโดยใช้คำบรรยาย (หรือ Subtitles) ที่เป็นภาษาไทยช่วย คำบรรยายเหล่านี้จะเบนความสนใจคุณ
ทำให้คุณไม่ได้สนใจที่จะฟังภาษาอังกฤษให้เข้าใจและจะทำให้การฝึกไม่ได้ผล
Learn English Step 03
หาหนังสือหรือนิตยสารภาษาอังกฤษซักเล่ม.
หรือไม่ก็หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษซักฉบับมาอ่าน
การอ่านเป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ เช่นกันหาสิ่งที่คุณสนใจจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นนิยายภาษาอังกฤษชื่อดังซักเล่ม หนังสือพิมพ์ The New York
Times หรือนิตยสารแฟชั่นแล้วก็เริ่มฝึกอ่าน
หากสิ่งที่คุณอ่านไม่น่าสนใจ โอกาสที่คุณจะหยิบมาฝึกอ่านก็จะน้อยลงและแน่นอนว่า
คุณควรพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณกำลังอ่านจริง ๆ ไม่ใช่แค่อ่านผ่าน ๆ
แต่ควรขีดเส้นหรือจดบันทึกคำหรือวลีที่คุณไม่เข้าใจแล้วไปค้นความหมายในพจนานุกรมด้วยถ้าคุณอยู่คนเดียว
คุณอาจจะลองอ่านออกเสียงด้วยก็ได้เพื่อที่จะได้ฝึกทั้งการอ่านทำความเข้าใจและการฝึกออกเสียงไปพร้อม
ๆ กัน
Learn English Step 04
เขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ. นอกจากการอ่านและการฟังแล้ว
การเขียนเป็นทักษะอีกอย่างที่ควรฝึกฝน การเขียนนั้นอาจจะเป็นทักษะทางภาษาที่ค่อนข้างยากแต่ทักษะการเขียนก็จำเป็น
การเขียนโดยใช้ภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณได้ไวยากรณ์และการสะกดคำ พยายามเขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษด้วยประโยคสองสามประโยคทุก
ๆ วัน ประโยคที่เขียนไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องส่วนตัว คุณอาจจะเขียนเรื่องสภาพอากาศ
สิ่งที่คุณเพิ่งกินไปตอนเย็นหรือกระทั่งแผนการของวันพรุ่งนี้ ถ้าเป็นไปได้
ลองให้ฝรั่งเช็คสิ่งที่คุณเขียนดูว่ามีจุดผิดพลาดตรงไหนหรือไม่
เพื่อช่วยให้คุณไม่เขียนผิดซ้ำอีก
และ Learn English Step 05 หาเพื่อนเป็นฝรั่งซักคนแล้วลองเขียนจดหมายหรืออีเมล์ถึงกันดู ถ้าภาษาอังกฤษคุณพัฒนาขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว
การลองหาเพื่อนคุยทางจดหมายก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการพัฒนาต่อไป
การมีเพื่อนทางจดหมายนอกจากจะได้ฝึกภาษาอังกฤษแล้ว
ยังสร้างความตื่นเต้นที่จะได้รับจดหมายหรืออีเมลฉบับถัดไปด้วยเพื่อนของคุณอาจจะเป็นคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกันหรือจะเป็นฝรั่งที่สนใจจะฝึกเขียนภาษาไทยก็ได้เช่นกัน
หากเพื่อนเป็นคนที่มาจากประเทศอย่าง อเมริกา, อังกฤษ,
แคนาดา, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย,
นิวซีแลนด์หรือแอฟริกาใต้
คุณอาจจะได้เรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมเพิ่มเติมอีกด้วย
สำหรับสิ่งที่ควรทำในการเรียนภาษาอังกฤษ มีแนวทางดังนี้คือ
Learn
English Step 01 สิ่งสำคัญในการเรียนภาษาใหม่ ๆ คือ
ความกระตือรือร้นกับการเรียนภาษานั้น ๆ อยู่เสมอ
ตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาแล้วยึดมั่นในเป้าหมายนั้นโดยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า
เราจะได้อะไรบ้างจากการเรียนภาษาหรือเราเรียนภาษาไปเพื่ออะไร
นึกถึงเป้าหมายเพื่อผลักดันตนเองในการเรียนภาษาต่อไป เช่น
คุณสามารถนำทักษะภาษาอังกฤษนี้ไปใช้กับประเทศต่าง ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
ทำให้คุณได้เพื่อนใหม่ ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ
และยังอาจจะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพของคุณอีกด้วย
Learn English Step 02
หมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นประจำ
จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วได้ในเวลาไม่นาน
โดยเฉพาะเมื่อคุณฝึกทุกวัน การเรียนภาษาให้ได้ผลนั้นขึ้นอยู่กับการใช้ภาษาบ่อย ๆ
หากคุณไม่ได้ทบทวนนาน ๆ คุณจะลืมสิ่งที่คุณเรียนไปเมื่อครั้งก่อน ๆ แล้วต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง
ซึ่งเป็นการเสียเวลา ทั้งนี้ คุณก็ควรจะเปลี่ยนวิธีการทบทวนภาษาอังกฤษบ้าง
เพื่อที่จะได้ไม่เบื่อเสียก่อน อย่างเช่นจัดเวลาในการทบทวนในแต่ละวันด้วยวิธีต่าง
ๆ โดยวันแรกอาจจะทบทวนโดยการอ่าน วันถัดมาเป็นการฟัง
วันที่สามเป็นการฝึกเขียนและวันที่สี่ทบทวนไวยากรณ์ เป็นต้น
แต่คุณก็ไม่ควรลืมเรื่องการพูดด้วยเพราะการพูดเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดของภาษา
ดังนั้น คุณควรฝึกพูดทุกครั้งที่มีโอกาส
Learn English Step 03
ฝึกให้ตัวเองคิดเป็นภาษาอังกฤษ
จะช่วยให้ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติมากขึ้น การต้องแปลภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษและแปลกลับจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้คุณเหนื่อยและเสียเวลา
ทุกภาษามีลักษณะเฉพาะเสมอ ซึ่งทำให้การแปลแบบตรงตัวนั้นไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา
ดังนั้น ทางออกก็คือการคิดเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้นซึ่งจะทำให้คุณพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โดยคิดเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งที่คุณต้องใช้ภาษาอังกฤษ วิธีทดสอบที่ดีที่สุดในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษก็คือ
ให้คุณไปนั่งฟังบทสนทนาระหว่างฝรั่งด้วยกันเอง
แล้วดูว่าคุณเข้าใจบทสนทนานั้นมากน้อยแค่ไหนลองหาเพื่อนฝรั่งหลาย ๆ คนแล้วพาไปตามสถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย
จะทำให้รู้ว่าเราสามารถสื่อสารได้มากน้อยแค่ไหน
และ Learn English Step 04 อย่ากลัวที่จะผิด อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเรียนภาษาใหม่ ๆ ก็คือ
ความกลัวที่จะพูดหรือเขียนผิด นอกจากความกลัวนี้จะไม่ช่วยพัฒนาทักษะใด ๆ แล้วยังทำให้คุณใช้ภาษานั้นได้ไม่ดีอีกด้วย
จำไว้ว่าเราทุกคนย่อมผิดกันได้เมื่อเรียนภาษาใหม่ ๆ
คุณคงจะประสบกับเหตุการณ์ที่น่าอายบ้างเวลาที่คุณพูดคำหยาบหรือพูดผิดโดยไม่ตั้งใจ
แต่เหตุการณ์เหล่านี้นี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเรียนภาษาเป็นสิ่งที่สนุก
และจำไว้เสมอว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้องและใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาตลอดเวลา
เราเน้นไปที่ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ภาษาของเรา
ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำหรับการเรียนรู้
ซึ่งจะทำให้เราได้พัฒนาการใช้ภาษาของเรามากขึ้น
ดังนั้นการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ
ทั้งหมด 4
ด้าน คือทักษะการพูด การฟัง การเขียน และการอ่าน
โดยมีแนวทางดีๆที่น่าสนใจจากเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มทักษะในการพูด
การเขียน การฟัง และการอ่านภาษาอังกฤษ
ทำให้ดิฉันเกิดการเรียนรู้และกล้าพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น โดยเริ่มจากการพูดคุยแชทกับเพื่อนร่วมห้อง
และลองฝึกพูดคุยกับชาวต่างชาติผ่านสื่อออนใลน์
โดยการใช้พจนานุกรมเป็นเครื่องมือช่วยเหลือในการแปลความหมาย
และสามารถทำให้ดิฉันได้สื่อสารกันอย่างถูกต้องมากขึ้น และเข้าใจ และดิฉันจะนำวิธีที่ได้กล่าวมาข้างต้นมาใช้ในการฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนทักษะทั้ง
4 ด้าน ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้นและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น