วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Learning log 7 นอกห้องเรียน

Learning log 7

นอกห้องเรียน

               การศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ 1 ด้าน คือทักษะการเขียน (Writing skill) การเขียนคือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยข้อความเป็นลายลักษณ์อักษร มีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดความคิดของผู้ส่งสารคือผู้เขียนไปสู่ผู้รับสารคือผู้อ่าน การเขียนจึงเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญในการเขียนประโยคเพื่อสื่อสารให้แก่ผู้อื่น การเลือกสรรคำที่เหมาะสมในการแต่งประโยคเพื่อให้ถูกต้องตามโครงสร้างหลักไวยากรณ์ ในฐานะที่ดิฉันได้เลือกเรียนคณะครุศาสตร์ ภาษาอังกฤษ  นั่นคือวิชาชีพครูเพื่อนำไปสู่การสอนที่ดี ที่ถูกต้องในอนาคต จึงต้องคำนึงว่าครูผู้สอนควรมีความรู้และความสามารถในการจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการเขียนให้แก่ผู้เรียนได้อย่างไร ผู้เรียนจึงจะมีทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เทคนิคการสอนทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ( Writing Skill)
เทคนิค การฝึกทักษะการเขียน มี 3 แนวทาง คือ การเขียนแบบควบคุม (Controlled Writing), การเขียนแบบกึ่งควบคุม (Less – Controlled Writing) และการเขียนแบบอิสระ ( Free Writing) แนวทางที่หนึ่งคือ การเขียนแบบควบคุม (Controlled Writing)เป็นแบบฝึกการเขียนที่มุ่งเน้นในเรื่องความถูกต้องของรูปแบบ เช่น การเปลี่ยนรูปทางไวยากรณ์ คำศัพท์ในประโยค โดยครูจะเป็นผู้กำหนดส่วนที่เปลี่ยนแปลงให้ผู้เรียน ผู้เรียนจะถูกจำกัดในด้านความคิดอิสระ สร้างสรรค์ แนวทางที่สองคือ การเขียนแบบกึ่งควบคุม (Less – Controlled Writing) เป็นแบบฝึกเขียนที่มีการควบคุมน้อยลง และผู้เรียนมีอิสระในการเขียนมากขึ้น การฝึกการเขียนในลักษณะนี้ ครูจะกำหนดเค้าโครงหรือรูปแบบ แล้วให้ผู้เรียนเขียนต่อเติมส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ วิธีการนี้ ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนได้มากขึ้น อันจะนำไปสู่การเขียนอย่างอิสระได้ในโอกาสต่อไป
แนวทางสุดท้ายคือ การเขียนแบบอิสระ ( Free Writing) เป็นแบบฝึกเขียนที่ไม่มีการควบคุมแต่อย่างใด ผู้เรียนมีอิสระเสรีในการเขียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด จินตนาการอย่างกว้างขวาง การเขียนในลักษณะนี้ ครูจะกำหนดเพียงหัวข้อเรื่อง หรือ สถานการณ์ แล้วให้ผู้เรียนเขียนเรื่องราวตามความคิดของตนเอง วิธีการนี้ ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนได้เต็มที่ ข้อจำกัดของการเขียนลักษณะนี้ คือ ผู้เรียนมีข้อมูลที่เป็นคลังคำ โครงสร้างประโยคหลักไวยากรณ์เป็นองค์ความรู้อยู่ค่อนข้างน้อย ส่งผลให้การเขียนอย่างอิสระนี้ ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ดังนั้นกระบวนการสอนทักษะการเขียน จึงจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสร้างระบบในการเขียน จากความถูกต้องแบบควบคุมได้ ไปสู่การเขียนแบบควบคุมน้อยลง อันจะนำไปสู่การเขียนแบบอิสระได้ในที่สุด จึงจะทำให้งานเขียนนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด
              เทคนิคการสอนทักษะเขียนภาษาอังกฤษ (Writing Skill) จึงเป็นแรงบัลดาลใจให้ดิฉันได้ฝึกเขียนไดอารี่ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ Present Simple sentence ดิฉันเริ่มฝึกเขียนประโยคง่ายๆธรรมดา เช่นประโยค  I get up at seven o'clock. I brush my teeth and I take a shower. After that I wear on my uniform. Next I have breakfast and I prepare my textbook. I go to university  at 8 o'clock on weekend. I study English. And I have lunch at twelve o'clock. Finish I go dormitory.  Every day I have dinner with my roommate in evening. I watch television and chat with my friends on facebook or social. Then  I do my homework. I go to bed at midnight.  แล้วจึงฝึกเขียนในระดับที่ยากยิ่งขึ้นคือการบรรยายธรรมชาติ เพื่อน และเหตุการณ์ที่เราเจอในกิจวัตรประจำวันหรือการเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่ประทับใจในอดีต
และการฝึกเขียน essay โดยเริ่มจากการวาง outline ก่อน ดิฉันจึงเลือกเขียนเรื่อง สิ่งที่ฉันประทับใจที่สุดในวัยเด็กเป็นการบรรยายเหตุการณ์โดยประเด็นหลัก Topic Sentence คือ การชนะการแข่งขันเต้นแอโรบิคระดับจังหวัด และจะมี Supporting sentences  รวมทั้ง Introduction หรือบทนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความที่จะบอกว่าเรียงความนี้จะกล่าวถึงเรื่องอะไร มักจะไม่ใส่รายละเอียดมากนัก และBody หรือเนื้อความ เป็นส่วนที่รวมเนื้อหา ใจความสำคัญของเรียงความไว้ โดยจะเป็นส่วนที่ยาวที่สุดของเรียงความซึ่งจะบรรยายในช่วงแรกคือ การได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันเต้นอโรบิคในโครงการทู บี นัมเบอร์ วัน ระดับจังหวัด และการซ้อมเต้นแอโรบิคในโรงเรียนหลังเลิกเรียนทุกๆวัน และกล่าวถึงความยากง่ายในการฝึก ลักษณะต่างๆที่ครูสอนฝึก  และสุดท้ายคือ Conclusion เป็นการสรุป โดยมีเนื้อหาเน้นรวบรวมใจความสำคัญจาก Introduction และ Body  คือการเต้นแอโรบิคไม่เพียงแต่จะทำให้ฉันรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นแต่ยังทำให้สุขภาพดีอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกเขียนกิจวัตรประจำวันหรือการเขียนเรียงความฉบับสมบูรณ์ มันจะเป็นสิ่งที่ง่ายมากสำหรับบางคนที่คุ้นชินและเก่งไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่ดิฉันคิดว่ามันไม่ง่ายเลยที่เราจะสามารถเขียนเนื้อหา รายละเอียดให้ตรงกับความหมายที่ถูกต้องตามภาษาไทย สำหรับการเขียน essay นั้น การเล่าเรื่องจะต้องมีความน่าสนใจและชวนให้น่าติดตาม อีกทั้งความมั่นใจในการเขียนนั้นจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงเรื่องที่เราจะต้องการเล่าออกไป การเขียนในเชิง Active นั้น จะทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจกว่าการเขียนในแบบ Passive Voice เพราะจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน แม้ว่าการเขียนจะยากแต่ถ้าเราฝึกบ่อยๆสม่ำเสมอเราก็จะคุ้นชินกับประโยคนั้นๆ และนอกจากนี้สิ่งที่ได้อีกอย่างคือ คำศัพท์ (vocabulary) เราจะได้เรียนรู้คำศัพท์และสามารถบันทึกหรือจดจำคำศัพท์ที่ใช้บ่อยได้อีกด้วย

                ดังนั้นการศึกษานอกห้องเรียนในครั้งนี้ ดิฉันได้ศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน (Writing Skill)ดิฉันคิดว่าทักษะการเขียนนับเป็นทักษะที่ยากที่สุดในทักษะทั้งสี่ และจัดเป็นทักษะสุดท้ายของการจัดการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ แต่ทักษะการเขียนก็เป็นทักษะที่จะช่วยฝึกและพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ให้สื่อออกมาในรูปแบบของการเขียน  การเขียนเป็นการส่งสารประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับการพูด แต่จะสื่อออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร และฝึกฝนเพื่อนำไปสู่การเรียนวิชาการแปล นอกจากนี้การเขียนยังช่วยบ่งบอกถึงระดับความสามารถและศักยภาพระดับความรู้ของผู้เรียนว่ามีความรู้อยู่ในระดับไหน ฉะนั้นผู้สอนควรจะสอนทั้งกระบวนการ เทคนิค วิธีการในการเขียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเขียนและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้