วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปล 1 เรื่อง แดร็คคูล่า

                                                                                                   
                                                         ตอนที่ 1   เคาว์ส แดร็คคูล่า    

           เรื่องราวของผมเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในปี 1875 ผมชื่อ โจนาทาน ฮาร์เกอร์ ผมอาศัยและทำงานอยู่ในลอนดอน งานของผมเป็นงานเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน วันหนึ่งได้มีจดหมายมาถึงผมจากชายคนหนึ่งที่เป็นมหาเศรษฐี เขาอาศัยอยู่ในแคว้นทรานซิลเวเนีย เขาต้องการซื้อบ้านหลังหนึ่งในประเทศอังกฤษ และเขาให้ผมช่วยชายคนนั้น เขาคือ เคาว์ส แดร็คคูล่า และผมจึงตัดสินใจช่วยเหลือเขา
            ผมสร้างบ้านหลังหนึ่งให้เขา และเขาก็ถามผมว่า ผมใช้เอกสารทั้งหมดนี้เพื่อนำไปทำงานที่แคว้นทรานซินเวเนียได้รึปล่าว? ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมเคยวางแผนจะแต่งงานและไม่ต้องการทิ้งมิน่า หญิงสาวที่สวยที่สุดของผมไป แต่เธอต้องไป...โจนาทานมิน่าพูด เคาว์ส เป็นมหาเศรษฐีและบางทีเขาจะมอบงานให้อีก ดังนั้นผมจึงยอมไป ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้ ผมจะได้พบเจออันตรายที่น่ากลัวที่กำลังรอผมอยู่ในแคว้นซิลเวเนีย
            ในวันที่ 4 พฤษภาคม ฉันได้มาถึงที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า เมืองบริสทริซ แคว้นซิลเวเนียเคยเป็นประเทศที่แปลกและสวยมากที่นั่นมีภูเขา ต้นไม้ และแม่น้ำมากมายและบนภูเขาสูงนั้นซึ่งเป็นบ้านของเคาว์ส เป็นปราสาทแดร็คคูล่า ผมรอเวลามา 6 ชั่วโมงแล้ว ก่อนที่โค้ชจะมาถึง ผมจึงเดินเข้าไปในโรงแรมเล็กๆภายในโรงแรมรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตร ผู้คนก็ต่างพากันหัวเราะและพูดคุยกัน แล้วถามผมว่า คุณจะไปไหนค่ะ?” ฉันจึงตอบไปว่า จะไปปราสาทแดร็คคูล่า 
             ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบและทุกคนหันมองมาที่ฉัน ฉันไม่เข้าใจทำไมพวกเขามองผมด้วยความหวาดกลัวขนาดนี้ แล้วมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า อย่าไปที่นั่นเลยแต่ผมตอบว่า ผมจะไปเพราะเป็นธุรกิจของผม พวกเขาก็พูดอีก เพื่อจะห้ามฉันไป ทันใดนั้นภรรยาของผู้ดูแลโรงแรมก็กระชากสร้อยทอง ที่อยู่ที่คอของหล่อนและนำมาวางไว้ในมือผม และพูดว่า ที่นั่นมันอันตราย บางทีสร้อยเส้นนี้สามารถช่วยเหลือคุณได้น่ะ
           เมื่อโค้ชมาถึง ผมก็เดินเข้าไปที่นั่น ผู้คนมากมายก็มุงดูพวกเรา และฉันได้ยินพวกเขาพูดว่า ผีดูดเลือดโค้ชเดินทางขึ้นไปบนภูเขาสูง และยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเหนือต้นไม้มีหิมะอยู่บนยอดเขา หลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็ตกลับภูเขา และทุกๆที่ก็ดูมืดมนไปหมด ป่าที่อยู่รอบๆพวกเราก็ดูมืดมิดไปหมด แล้วเสียงหมาป่าก็เห่าหอน มันเป็นเสียงที่น่ากลัวมาก

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 16 นอกห้องเรียน

Learning log 16

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนในวันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม  2558 ในช่วงภาคบ่ายโดย ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร  ในหัวข้อครูในศตวรรษที่ 21 และการทำกิจกรรมกลุ่ม จำลองห้องเรียนและการจัดการเรียนการสอน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าครูแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 จะต้องสนใจในเทคโนโลยีต่างๆ มีการปรับการเรียนการสอนอย่างบูรณาการมีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณสมบัติทางด้านเทคโนโลยีโดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนใลน์ยุคใหม่ (Social Network) มาสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยีจัดการห้องเรียน ห้องสมุด การเรียนการสอน และสื่อสังคมสมัยใหม่ สามารถยกระดับคุณภาพ สถานศึกษายุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเท่าเทียมกันด้านการศึกษา
                ห้องเรียนกลับด้าน หรือ  “Flipped Classroom” เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ซึ่งจะสามารถช่วยนักเรียนที่มีปัญหาตามชั้นเรียนไม่ทัน เพราะต้องขาดเรียนไปทำกิจกรรมหรือเพราะนักเรียนเรียนรู้ได้ช้า ICT จะช่วยให้ครูทำสื่อวิดีโอสอนวิชาได้โดง่าย และเอาไปแขวนไว้บนอินเตอร์เน็ตได้ฟรี โดยให้ลูกศิษย์ที่ขาดเรียนไปทำกิจกรรม แต่คุณค่าของวิดีโอบทเรียนที่แขวนไว้บนอินเตอร์เน็ตไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันนำไปสู่การกลับทางการเรียนรู้จนถึงปัจจุบัน กระแสการใช้ห้องเรียนกลับด้าน “Flipped Classroom” ซึ่งแพร่หลายขยายเป็นวงกว้างในอเมริกา
                ครูสามารถนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก เว็บไซต์ต่างๆอย่างยูทูปเต็มไปด้วยความรู้ต่างๆ ซึ่งเด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หมดยุคที่ต้องคอยมารอรับความรู้ในห้องเรียนเพียงช่องทางเดียวแล้ว เพราะฉะนั้นในห้องเรียนกลับด้าน ครูจะแจกสื่อให้เด็กไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้าน หรืออาจให้เด็กไปดูสื่ออย่างในยูทูปหรือการเรียนที่บ้าน ทำการบ้านที่โรงเรียน อธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็นการนำสิ่งที่เคยทำในชั้นเรียนไปทำที่บ้าน และนำสิ่งที่เคยถูกมอบหมายให้ทำที่บ้านมาทำที่โรงเรียนแทน โดยอาศัยการเล่นเกมส์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบผ่อนคลายแต่ต้องคำนึงงถึงด้วยว่าเล่นแล้วนักเรียนต้องได้เรียนรู้ทักาะต่างๆด้วย เช่นเดียวกับช่วงอบรมในภาคบ่ายผู้เข้าร่วมอบรมได้เล่นเกมส์ และได้ทักษะหลายๆด้าน หลายๆอย่าง เช่น ทักษะการพูด การคิด การแก้ปัญหา และอีกหลายๆอย่างซึ่งรวมไปถึงการฝึกทำงานเป็นกลุ่มด้วย

Learning log 15 นอกห้องเรียน

Learning log 15

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้  ดิฉันได้เข้าร่วมอบรบเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ในวันที่สอง คือวันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม 2558 ในช่วงภาคเช้า โดย  ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในหัวข้อ วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบไปด้วยการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีต การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 และกลวิธีการเรียนการสอนภาษาในปัจจุบัน ซึ่งแนวการสอนดังกล่าวล้วนมีความสำคัญมากสำหรับบทบาทของครูและนักเรียน โดยการบรรยายในเช้านี้ดิฉันได้เรียนรู้จะประกอบด้วยประเด็นทั้งหมด 4 ประเด็น คือ ประเด็นแรกแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา ประเด็นที่สองคือแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการปฎิสัมพันธ์ ประเด็นที่สามแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นความเหมาะสมในการใช้ภาษา และประเด็นสุดท้ายคือแนวการสอนภาอังกฤษแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษา
ประเด็นแรกแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษา โดยมีวิธีการสอนแบบไวยากรณ์และแปล (The Grammar-Translation Method) เป็นการสอนที่ไม่เน้นการฟังและการพูด แต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปลเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านได้และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของคำภาษาอังกฤษและเน้นการท่องจำและความถูกต้องในการใช้ภาษา วิธีสอนแบบตรง(The Direct Method) เป็นวิธีสอนที่ให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียน จึงควรใช้ภาษาต่างประเทศที่เรียนนั้นตลอดเวลา และสื่อสารเรื่องราวกับในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารได้และฝึกเลียนเสียงได้อย่างถูกต้อง เช่น ประโยคถาม-ตอบ บทสนทนาสั้นๆ เป็นต้น วิธีการสอนแบบฟัง-พูด (The Audio-Lingual Method) เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาด้วยภาษาพูดซึ่งผู้เรียนต้องเลียนแบบเสียงสามารถฟังเข้าใจ เน้นการท่องจำบทสนทนาแล้วจึงเริ่มการฝึกอ่านและเขียน

Learning log 14 นอกห้องเรียน

Learning log 14

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียน ในวันพฤหัสบดี ที่ 29 ตุลาคม 2558 ในช่วงภาคบ่าย โดย  ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในหัวข้อ แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นปฎิสัมพันธ์ ซึ่งปัจจุบันนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวัยรุ่นทั่วไปมักใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ ภายใต้การใช้สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียในยุคไฮเทคนี้ จึงส่งผลกระทบให้ภาษาเกิดความผิดเพี้ยนไปจากเดิมจำนวนมาก ครูจึงเป็นผู้นำที่สำคัญคนหนึ่งที่จะสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่ศิษย์ในการใช้ภาษาให้ถูกต้อง การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารอย่างถูกต้องและเหมาะสมนั้น ย่อมทำให้การสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ ทุกประเภทมีประสิทธิภาพและได้ผลตามวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารและผู้รับสาร สิ่งสำคัญที่สุดคือการคำนึงถึงการเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับกาลเทศะและเหมาะสมกับบุคคล เช่นโอกาสที่เป็นทางการ โอกาสที่เป็นกันเอง หรือโอกาสที่เป็นภาษาเขียน
ปัจจัยที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง ทุกภาษาที่ยังใช้สื่อสารกันเป็นปกติในชีวิตประจำวันต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง การเปลี่ยนแปลงนั้นอาจเกิดจากเสียงบางเสียง ความหมายของคำบางคำ รูปประโยคบางประโยค บางคำอาจเลิกใช้ มีคำใหม่และรูปประโยคแบบใหม่เกิดขึ้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากการพูดจากันในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่มักพบบ่อยในกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้สื่ออินเทอร์เน็ต สื่อออนไลน์ต่างๆ ถ้าผู้พูดมิได้พยายามพูดให้ชัดเจน เสียงก็อาจกลายไปได้ เช่น อย่างนี้ กลมกลืนเป็นเสียง อย่างงี้ อันหนึ่ง กร่อนเสียงเป็น อนึ่ง นานๆเข้าคำที่เปลี่ยนไปก็ติดอยู่ในภาษา คำเดิมก็อาจค่อยๆสูญไป หรืออาจใช้ในความหมายที่ต่างจากเดิม หรือบางครั้งมีการใช้คำที่ทับศัพท์ที่ผิดเพี้ยนไป เช่น Chill Chill –ความหมายประมาณว่า Sit chill chill ซึ่งในภาษาอังกฤษจะไม่มีการให้ความหมายในคำดังกล่าว แต่คำว่า Selfy ที่เรามักใช้ในการถ่ายรูปโฟกัสหน้าตนเอง เป็นศัพท์ที่ถูกต้องตามหลักภาษาแต่เป็นคำที่กำเนิดมาจากคำว่า Self

Learning log 13 นอกห้องเรียน

Learning log 13

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้  ดิฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะในวันที่ 29-30 ตุลาคม พ.ศ. 2558  โดยมีจุดประสงค์หลักของโครงการนี้คือ การใช้ทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียนมาบูรณาการด้วยกันเพื่อใช้เป็นเทคนิคการสอนต่อไป ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสอนได้จริง เพราะปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้สำหรับสื่อสารในยุคประชาคมอาเซียน และภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เหมาะสมอย่างมากในการเรียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ การท่องเที่ยว หรือเหตุผลส่วนตัว  แต่การเรียนภาษานั้น ไม่ว่าจะภาษาใดก็ตาม ก็ต้องใช้ความขยัน ความตั้งใจและไม่อายที่จะพูดหรือเขียนแม้ว่าอาจจะผิด ซึ่งการอบรมครั้งนี้ก็ได้กล่าวถึงเทคนิคในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมากมายหลายมุมมอง
ในการอบรมครั้งนี้มีการกล่าวถึงสภาพการศึกษาทางด้านภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันโดยจะต้องมีการบูรณาการทักษะทุกๆทักษะเข้าด้วยกัน ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเรียนรู้ ทักษะใดเพียงทักษะหนึ่งเพราะทุกๆทักษะย่อมฝึกให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร และสามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และสร้างสรรค์ ศาสตร์ทางภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง การสื่อสารในสถานะการณ์ต่างๆ จะสื่อสารกันได้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องฟังรู้เรื่องก่อนแล้วจึงจะทำให้สามารถพูดโต้ตอบได้ หรือพูดได้ พูดเป็น หรือใช้เป็น และเป็นประโยชน์  นอกจากการโต้ตอบแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศกันก็คงรวมไปถึงการเล่าเรื่อง บรรยาย แสดงความคิด ความเห็น ความรู้สึก วิพากษ์วิจารณ์ ซึงก็ต้องมีการประเมินสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา จากการวิเคราะห์สังเคราะห์อีกทีหนึ่ง จึงนับว่าสุดยอดในการเรียนรู้ทางภาษา

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 12 นอกห้องเรียน

Learning log 12

นอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนนับเป็นทักษะสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน  เพราะทุกๆทักษะย่อมให้เราได้สะท้อนความสามารถในการฝึกฝนทักษะดังกล่าว ในการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ดิฉันจึงได้ฝึกฝนทักษะการฟัง พูด โดยการดูหนัง ฟังเพลง และฝึกฝนการอ่าน โดยการอ่านนวนิยายภาษาอังกฤษนอกเวลา เพราะการใช้ภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งสำคัญมาก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้สำหรับสื่อสารในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป ซึ่งดิฉันคิดว่าการฝึกฝนดังกล่าวสามารถพัฒนาความรู้ และทักษะต่างๆให้ดิฉันมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
การฝึกฝนทักษะการฟังในวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ดิฉันได้เข้าฟังเพลงในยูทูปแล้วได้ฝึกร้องเพลงคือ เพลง Love Me Like You Do เป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับ การมอบความรักให้ซึ่งกันและกัน เพราะคนที่เธอรักเปรียบดั่งสายน้ำ แสงสว่าง ชีวิตซึ่งมีสีสัน แต่บางครั้งก็เป็นดั่งยารักษาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ครั้งแรกที่ฝึก รู้สึกร้องตามเนื้อเพลงไม่ทัน บางประโยคอาจจะเร็วเกินไป เช่น Yeah, I'll let you set the pace Cause I'm not thinking straight My head spinning around I can't see clear no more What are you waiting for? เนื้อเพลงบางส่วนในเพลงดังกล่าว ดิฉันยังร้องไม่ถนัด และบางส่วนมีการเชื่อมระหว่างคำ (Linking Sounds) เช่น spinning around ,keep it, get out, take care of, etc.

Learning log 9 ในห้องเรียน

Learning log 9

ในห้องเรียน

การศึกษาในห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ความรู้เรื่อง การละ Adverb clause of time โดยการที่นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ภายในกลุ่มมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และสามารถสรุปได้ว่า Adverb clause คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยาหรือ คำวิเศษณ์ หรืออาจอธิบายได้ว่า Adverb clauseเป็นประโยคย่อยที่ขึ้นต้นด้วยคำสันธาน ชนิด subordinate conjunction เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคย่อยเข้ากับประโยคหลัก ส่วนคำสันธานที่ใช้ในประโยคความรวม เรียกว่า coordinating conjunction คำสันธานชนิด subordinate conjunction ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น  บอกเวลา ได้แก่ before, after, when, while,..  บอกลักษณะ ได้แก่ as if, as though, บอกการเปรียบเทียบ ได้แก่ as..as บอกวัตถุประสงค์ ได้แก่ so that, in order that,.. บอกสถานที่ ได้แก่ where, wherever,.  บอกความขัดแย้ง ได้แก่ though, even if,.  บอกเงื่อนไข ได้แก่ If, provided, unless,.
ตัวอย่างเช่น If it rains we will stay indoors. I will go when I have finished my homework. I ate as fast as I could. ประโยค complex sentence ถ้านำมาใช้อธิบายประโยคความซ้อนในภาษาไทย นักศึกษาอาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่า การที่จะอธิบายจากภาษาไทยโดยตรง หมายถึงว่านักศึกษาควรจะมีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร จากที่อธิบายเปรียบเทียบมาทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไวยากรณ์ไทยกับไวยากรณ์อังกฤษ เพราะการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และการแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษจะมีความแตกต่างกัน

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้