วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 6 นอกห้องเรียน


Learning log 6
(นอกห้องเรียน)

การศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ไปพัฒนาทักษะ 2 ทักษะคือ ด้านการอ่าน (Reading skills)และการฟัง (Listening skills )การเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดก็แล้วแต่มีเพียง 4 ทักษะหลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ก่อนทำการศึกษาเราควรรู้ระดับของตัวเองก่อนว่าภาษาเราแย่มาก แย่ ใช้ได้ ดี หรือ ดีมากแค่ไหน วิธีทดสอบไม่ต้องไปหาแบบทดสอบมาทำให้ยุ่งยากเพราะเรารู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าเราอยู่ระดับไหน แล้วตั้งเป้าหมายหรือหาจุดมุ่งหมายของการเรียนว่าเราจะพัฒนาทักษะด้านใด การอ่านและการฟังจึงมีความสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าอ่านน้อยได้น้อย อ่านมากได้มาก ยิ่งฝึกฟังมากขึ้นเราจะคุ้นชินและเข้าใจมากขึ้น อยู่ที่ความขยันของตัวบุคคล
 ดิฉันจึงเลือกอ่านหนังสือนอกเวลาจากศูนย์ภาษา American conner เรื่อง Dracula โดย Bram Stoke ซึ่งเป็นหนังสือ Level 2 จึงเป็นระดับที่เหมาะสมแก่ผู้เริ่มฝึกการอ่าน  จากอ่านได้ความว่า Jonathan Harker ทนายความหนุ่มเดินทางไปปราสาท Dracula ซึ่งอยู่ในแคว้นทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย ในยุโรปตอนกลางเพื่อจัดการเรื่องโอนที่ดินซึ่ง  Count Dracula ผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง ซื้อไว้ ระหว่างการเดินทางก็มีชาวบ้านพยายามเตือนว่าไม่ควรไปที่นั่น แต่โจนาธานก็ยังยืนยันจะไปให้ได้เพราะเป็นงานที่ต้องทำ เมื่อไปถึงก็เจอกับปราสาทเก่าแก่ทรุดโทรม และ Count Dracula ซึ่งเป็นคนมีการศึกษาดีและแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันโจนาธานก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเป็นนักโทษในปราสาทหลังนี้มากกว่าเป็นแขก ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งอึดอัดและรู้สึกกลัว มารู้ต่อไปว่า Count Dracula มีอำนาจพิเศษ เป็นแวมไพย์ผีดูดเลือด

Learning log 5 ในห้องเรียน


Learning log

(ในห้องเรียน 5 )

ประโยค Adjective clause
        1.             The man who lives next door is a teacher.
                 ผู้ชายคนที่อยู่ถัดจากบ้านเป็นอาจารย์
        2.             He is the man who can play football very well.                                                                      
                เขาคือผู้ชายที่สามารถเล่นฟุตบอลได้เก่งมาก
        3.             The pants that  you are wearing are very expensive                                                              
               กางเกงขายาวตัวที่คุณกำลังสวมอยู่นั้นราคาแพงมาก
        4.             The shirt which I bought yesterday is too small.
              เสื้อตัวนี้ที่ฉันซื้อเมื่อวานมันตัวเล็กเกินไป
        5.             The girl  whom I admire won a scholarship to study abroad.
              เด็กผู้หญิงคนที่ฉันยกย่องชมเชยคนนั้น ได้รับทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ

ประโยค Adjective phrase
        1.             My new kitten makes me very happy.
                ลูกแมวตัวใหม่ของฉันทำให้ฉันมีความสุข
        2.             I feel sorry for people living on the streets.
                ฉันรู้สึกเสียใจกับประชากรที่อาศัยอยู่บนถนน
        3.             The final exam were unbelievably difficult.
                ข้อสอบปลายภาคเรียนเป็นข้อสอบที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ
        4.             John provided and wrote an English column describing English grammatical structure.                 
                 จอห์นได้ตระเตรียมและลงมือเขียมคอลัมน์ภาษาอังกฤษของเขาอีก 1 คอลัมน์ที่บรรยายถึงเนื้อหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
        5.             The music from next door was annoyingly loud.
                 เพลงจากห้องถัดไป ดังน่ารำคาญ



วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 5 นอกห้องเรียน

Learning log 5

  (นอกห้องเรียน)   

หากหยุดการเรียนจากห้องเรียนจะเกิดอะไรขึ้น แล้วมีหนทางอื่นที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ตลอดเวลาหรือไม่ คำตอบคือมีอย่างแน่นอน จะแก้ปัญหาและพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองได้อย่างไร บางคนอาจสมัครเข้าเรียนในสถาบันสอนภาษา แต่นั่นช่วยให้คนเหล่านั้นใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นหรือไม่ หนทางที่ดีที่สุดของการเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สามใดๆก็ตามคือการไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการใช้ภาษานั้นๆแบบ Full-time หรือพูดง่ายๆคือไปอยู่ต่างประเทศนั่นเอง แต่จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนั้นได้หากไม่รวยจริง หรือไม่มีงานต้องรับผิดชอบในประเทศไทย อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี ประหยัด และเรียนรู้ได้ตลอดเวลาคือการฝึกฝนด้วยตัวเองตามสื่อและช่องทางต่างๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในโลกไร้พรมแดนในปัจจุบัน ระดับภาษาของแต่ละคนจะต่างกัน บางคนอาจบอกกับตัวเองว่า "แย่" สิ่งที่จะต้องฝึกเบื้องต้น คือทักษะการฟัง เพราะการฟังเป็นทักษะการรับรู้ เรียนรู้ หรือนำข้อมูลเข้าใส่ตัว (Input) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายกว่าการพูดหรือเขียน
การฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น ดูข่าวผ่านทีวี CNN, BBC หรือช่องอื่นๆ หรือ ฟังข่าวออนไลน์ผ่านมือถือ ซึ่งหาดาวน์โหลด Application เหล่านี้ได้ง่ายมาก ประเด็นคือฟังไม่รู้เรื่อง แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้ได้อย่างไร สิ่งที่จะแนะนำคือพยายามฟังบ่อยๆ หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่ พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหนเพราะเขียนติดกันเป็นพืดไปหมด

Learning log 4 ในห้องเรียน

Learning log 4
(ในห้องเรียน)

จากการศึกษาในชั้นเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้เนื้อหาทั้งหมด 3 ประเด็นหลักคือ ชนิดของประโยค, หลักการใช้ Adjective Clause(Relative Clause) และการเปลี่ยนประโยคจาก adjective clause เป็น adjective phrase ซึ่งเนื้อหาทั้งสามประเด็น ล้วนเป็นเนื้อหาที่มีความสำคัญในการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การแปลประโยคให้ดูกระชับและถูกต้อง หากเราไม่เข้าใจในเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปแบบของประโยคแต่ละแบบได้ ก็จะส่งผลให้งานแปลเกิดความความลำบากและมีเนื้อหาที่ไม่กระชับ ถูกต้องและสมบูรณ์เพียงพอ  ความครบถ้วนและความหมายที่ถูกต้องของต้นฉบับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นการตีความหมายของต้นฉบับ และวิเคราะห์ความหมายก่อนถ่ายทอดเป็นภาษาฉบับแปลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแปล
ประเด็นที่หนึ่งคือ ชนิดของประโยค หลักการเขียนประโยคภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ ชนิดที่หนึ่ง ประโยคความเดียว (Simple sentence )  คือประโยคที่ประกอบด้วยภาคประธานและกริยาอย่างละตัว ซึ่งถือเป็นประโยคพื้นฐานในการเขียนภาษาอังกฤษ จะต้องมีใจความสำคัญเพียงใจความเดียว โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ เป็นประโยคสั้นๆ ประกอบไปด้วยคำเพียงสองคำที่ทำหน้าที่เป็นประธาน และกริยา  เช่น Larry smiled. หรืออาจจะเป็นประโยคยาวๆก็ได้แต่มีแค่กริยาหลักเพียงตัวเดียว เช่น Larry who is my elder brother smiled happily with his friends. ส่วนที่ขีดเส้นใต้นั้นคือส่วนมาขยายตัวประธานและตัวกริยา ถึงแม้จะทำให้ประโยคยาวขึ้นแต่ใจความสำคัญก็ยังมีแค่ใจความเดียว และsimple sentence อาจจะเป็นประโยคบอกเล่า คำถามหรือปฏิเสธก็ได้ เช่น Did Larry smile happily? หรือ Larry didn’t smile happily with his friends.

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 4 นอกห้องเรียน

Learning log 4

นอกห้องเรียน 

              การอ่านภาษาอังกฤษเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นทักษะพื้นฐานของการศึกษาความรู้เพิ่มเติมภายนอกห้องเรียน ซึ่งการอ่านแต่ล่ะอย่างที่มีจุดมุ่งหมายแตกต่างกัน การอ่านเพื่อความเข้าใจก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประยุตใช้ในการเรียน การค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา ดิฉันจึงเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวและได้เข้าไปอ่านข่าวในเว็บไซต์ www.bangkokpost.com/learning/-learning-from-news/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่น่าสนใจและเหมาะสมสำหรับการฝึกทักษะด้านการอ่านและฟังซึ่งเราควรฝึกการอ่านและอ่านฟังที่ไม่ง่าย-ไม่ยากเกินไป เพราะจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้เร็ว
              จากที่ดิฉันได้อ่านข่าวใน web Bangkok post เรื่อง Terrified tourists rescued from killer elephant คือการช่วยชีวิตนักท่องเที่ยวจากช้าง ได้ความหมายว่า เมื่อวันที่26 สิงหาคม 2558 เกิดเหตุช้างมีอาการคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายนักท่องเที่ยว ภายในปางช้างภูตะวัน ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดให้บริการนักท่องเที่ยงขึ้นขี่หลังช้างเดินชมป่าทำให้พบกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติจำนวนมากกำลังตกใจพากันวิ่งหนีคนละทิศคนละทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสุรชัย แดงภูมิภาค อายุ 40 ปี และที่ช้างฆ่าโดยแทงด้วยงา ชื่อเจ้าพลายสมใจ เป็นช้างตัวผู้ อายุ 25 ปี หลังเกิดเหตุมันไว้วิ่งเข้าไปในป่า โดยมีครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีน 3 คน ยังติดอยู่บนหลังช้างด้วย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือจนนักท่องเที่ยวปลอดภัย 

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 3 นอกห้องเรียน


Learning log 3 

(นอกห้องเรียน)

จากการศึกษานอกชั้นเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ไปศึกษาเพื่อฝึกทักษะ 2 ด้าน คือทักการฟัง (Listening) และทักษะการพูด (speaking) การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราทำความคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา นอกจากนี้เราจะได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการพูดคุยทั่วๆไป สิ่งนี้หาได้ยากมาก ตามหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษด้วยตนเองจะสามารถเปิดโอกาสให้เราฝึกพูดตามไปด้วย ต่างจากการดูหนังภาษาอังกฤษที่อาจใช้คำยากมาก  ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาดีพอ แทนที่จะได้ฝึกการฟังกลับต้องมาคอยเปิดดิคชันนารี ตีความเอง อาจมีผิดบ้าง ถูกบ้าง การฝึกฟังและฝึกพูดบ่อยๆจะทำให้เราซึมซับและจดจำและเข้าใจง่ายทันทีที่ได้ยิน โดยฝึกได้จากการดูหนัง ที่ไม่ยากจนเกินไปซึ่งเหมาะแก่การฝึกในช่วงแรกๆ แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากขึ้น เรื่อยๆ และการฝึกทักษะด้านต่างๆทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน สามารถฝึกได้จากเว็บไซต์ของ BBC เป็นเว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจมาก และเหมาะสมแก่ผู้ที่ต้องการฝึกทักษะด้านการฟังและการพูดได้เป็นอย่างดี

Learning log 3 ในห้องเรียน


Learning log 3  

(ในห้องเรียน)

              จากการที่ดิฉันได้ศึกษาในชั้นเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ความรู้เรื่อง Tenses การศึกษาหลักการใช้ tenses ทั้ง 12 เพื่อนำไปสู่การแปลประโยคได้อย่างถูกต้องและมีความสละสลวย Tenses คือ รูปแบบหรือโครงสร้างของกริยาที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเรื่อง tenses นี้เป็นเรื่องสำคัญถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็ไม่สามารถสื่อภาษากับคนอื่นไม่ได้ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่มาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense นี้มาเป็นตัวที่บ่งบอกกาลเวลา การศึกษาเรื่อง tense จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เราได้มีความเข้าใจในประโยคนั้น เพราะการแปลประโยคจากภาษาอังกฤษเป็นไทย หรือจากภาษาไทยเป็นอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเราเรียบเรียงประโยคผิด หรือใช้คำผิดความหมายของประโยคนั้นก็จะผิดเพี้ยนเช่นกัน tense จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นที่เราควรตระหนักถึงความถูกต้อง เพื่อนำไปสู่การแปลที่แม่นยำ และถูกต้อง  tense จะแบ่งออกเป็น 3 tenses ใหญ่ๆคือ Present tense (ปัจจุบัน) Past tense(อดีต) และ Future tense (อนาคต)

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning log 2

Learning log 2

(ในห้องเรียน และนอกห้อง)

            การเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องไม่จำกัดวงแคบอยู่แต่ในเฉพาะห้องเรียน การเรียนการสอนจะต้องเสริมการศึกษานอกห้องเรียนด้วยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกทักษะการใช้ภาษาต่างๆเพิ่มเติมให้มากที่สุด ตามความสนใจ ความสามารถและความต้องการของผู้เรียน การใช้ภาษาอังกฤษสามารถนำไปพัฒนาทักษะการเรียนรู้ได้หลากหลายด้านทั้งการพูด (speaking) การฟัง(listening) การอ่าน(reading) และการเขียน (writing) รวมทั้งทักษะการแปล ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนต่อไป และก่อนที่เราจะแปลงานออกมาได้อย่างถูกต้อง ชัดเจนเราควรศึกษาและคำนึงถึงสิ่งสำคัญที่เราควรรู้คือ กลยุทธิ์ในการเรียนภาษา และยิ่งไปกว่านั้นเราต้องรู้จักตนเอง โดยตั้งคำถามกับตัวเองยึดหลักการ KWL

โครงงานน้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S BY ป.4

         น้ำยาล้างมือ Hand Soap 4S สูตรว่านหางจระเข้